แถลงการณ์ร่วมบุคลากรทางการแพทย์ เรียกร้องความโปร่งใสในการกระจายวัคซีนไฟเซอร์ 4 ข้อ จากกระทรวงสาธารณสุข
วันที่ 27 กรกฎาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก We, The People โพสต์ แถลงการณ์ร่วมบุคลากรทางการแพทย์ เรียกร้องถึงกระทรวงสาธารณสุข เรื่องความโปร่งใสในการกระจายวัคซีนไฟเซอร์ ที่จะเข้ามาในวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 ความว่า
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 นี้ กระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่าบุคลากรการแพทย์ด่านหน้าจะได้รับการฉีดวัคซีน Pfizer มากกว่า 500,000 โดส โดยจะเริ่มฉีดต้นเดือนสิงหาคม ทว่าสถานการณ์ขณะนี้นับว่ามีความขัดแย้งกับคำกล่าวข้างต้นอย่างมาก เมื่อพิจารณาถึงความจริงที่ว่าขณะนี้บุคลากรทางการแพทย์จำนวนมากต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เป็นบูสเตอร์โดสเข็ม 3
ทั้งด้วยความไม่มั่นใจในการมาถึงของไฟเซอร์ การถูกทำให้เชื่อว่าจะไม่มีวัคซีนไฟเซอร์เข้ามา และการคาดการณ์ว่าไฟเซอร์ จะเข้ามาไม่พอสำหรับบุคลากรทั้งหมด โดยมีหลักฐานและข้อยืนยันจำนวนมากที่พิสูจน์ว่าสภาพการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ไม่ว่าจะเป็นหนังสือเวียนในโรงพยาบาลหรือการประกาศว่าจะไม่รับผิดชอบหากบุคลากรที่ยืนยันจะรอไฟเซอร์ ติดโควิดในระหว่างรอวัคซีน
สภาพการณ์ดังกล่าว นำไปสู่การตั้งคำถามว่าขณะนี้มีบุคลากรทางการแพทย์ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าไปแล้วเท่าใด และยังมีเจตจำนงรอฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ต้นเดือนหน้าดังที่กระทรวงสาธารณสุขกล่าวอ้างเท่าใด มีข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับการกระจายวัคซีนครั้งนี้ ทว่ากระทรวงสาธารณสุขซึ่งมีข้อมูลของบุคลากรทางการแพทย์ทั้งหมดในมือกลับไม่เปิดเผยตัวเลขอย่างโปร่งใสชัดเจน
นอกจากความคลุมเครือของข้อมูลเรื่องวัคซีน การออกแบบและจัดการเพื่อทำให้วัคซีนอยู่ในอุณหภูมิที่ถูกต้องเหมาะสม (Cold-chain tracking) ซึ่งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมได้จัดทำ เพื่อติดตามการกระจายของวัคซีนยี่ห้อและลอตต่าง ๆ ยังได้ปิดตัวลงตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม (ดูได้ที่ https://datastudio.google.com/…/731713b6…/page/JMn3B…) และถูกแทนที่ด้วยเว็บไซต์ที่ทางกระทรวงสาธารณสุขทำแทน (ดูได้ที่ https://dashboard-vaccine.moph.go.th/dashboard.html) ซึ่งไม่มีการแจ้งรายละเอียดยี่ห้อวัคซีนหรือลอต มีเพียงข้อมูลว่า ประชาชนในแต่ละจังหวัดได้รับการฉีดวัคซีนเป็นจำนวนเท่าใด เพียงแค่นั้น
เพื่อความโปร่งใสและการกระจายวัคซีนให้ถึงมือผู้ควรได้รับโดยปราศจากเส้นสาย หมอไม่ทน, ภาคีบุคลากรสาธารณสุข, Nurses Connect , สมาพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์นานาชาติแห่งประเทศไทย (IFMSA Thailand Official) และ DNA บุคลากรทางการแพทย์และอาสาสมัคร จึงขอเรียกร้องต่อกระทรวงสาธารณสุขดังนี้
- นำวัคซีน mRNA มาเป็นวัคซีนหลักให้คนไทยทุกคน
- ชี้แจงและเปิดเผยข้อมูลว่ามีบุคลากรได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นบูสเตอร์โดสไปแล้วเท่าใด และยังเหลือบุคลากรที่ยืนยันจะรับไฟเซอร์เป็นจำนวนเท่าใด เพื่อให้จำนวนวัคซีนที่ได้รับพอดีกับบุคลากร ไม่มีเศษตกหล่นติดตามไม่ได้นอกระบบ
- นำข้อมูลสำคัญที่จะพิสูจน์ความโปร่งใสกลับมาบรรจุในระบบ Cold-chain tracking นั่นคือเส้นทางการกระจายวัคซีนโดยระบุยี่ห้อและลอตต่าง ๆ ของวัคซีน และเปิดให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย เพื่อแสดงความรับผิดชอบของรัฐต่อประชาชน และให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการก้าวข้ามวิกฤต
- ระบุผู้รับผิดชอบอย่างชัดเจนกรณีเกิดการจัดสรรการกระจายวัคซีนผิดพลาดหรือทุจริต
นอกจากนั้น เรายังขอเชิญชวนประชาชนทุกคน ร่วมลงชื่อสนับสนุนการนำ mRNA มาเป็นวัคซีนหลักทาง change.org/vaccinewetrust และร่วมจับตามองการกระจายวัคซีนครั้งนี้ ด้วยการแจ้งเบาะแสมายัง “แบบรับรายงานความผิดปกติในการกระจายวัคซีนโดย สมาพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์นานาชาติแห่งประเทศไทย” (เข้าถึงได้ที่ shorturl.at/dkDHK หรือ QR code ด้านล่าง) หรือส่งเมล์มาที่ [email protected] หากท่านพบเห็นหรือทราบข้อมูลการได้วัคซีนมาอย่างไม่ถูกต้อง เราจะถามไปด้วยกันว่า #เก็บไฟเซอร์ไว้ให้ใคร
ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงวัคซีน และการปิดบังข้อมูลเส้นทางการกระจายวัคซีน คือการลดโอกาสการมีชีวิตรอดของประชาชน เพื่อเรียกร้องถามหาความโปร่งใสนี้ อีกไม่นาน ตัวแทนบุคลากรทางการแพทย์จะมีการเคลื่อนไหว ขอให้ประชาชนติดตามอย่างใกล้ชิด
ตัวแทนบุคลากรทางการแพทย์
27 กรกฎาคม 2564
#นำmRNAvaccineเข้ามาเป็นวัคซีนหลัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโพสต์ดังกล่าว ยังมีการเชิญชวนบุคลากรทางการแพทย์และประชาชน นับถอยหลังการนำเข้าไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดสไปด้วยกัน #เก็บไฟเซอร์ไว้ให้ใคร โดยนัดหมายวันนี้ที่สถานทูตอเมริกา เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึก ชวนจับตาไทยกระจายไฟเซอร์