แอมเนสตี้ ย้ำ 5 ข้อเรียกร้อง “กรมราชทัณฑ์” ดูแลผู้ต้องขังในยุคโควิด

แอมเนสตี้ เรียกร้อง กรมราชทัณฑ์ ดูแลผู้ต้องขังภายใต้วิกฤติโควิด-19 ย้ำ 5 ข้อเรียกร้องเร่งตรวจสอบและดำเนินการ รวมถึงให้การประกันว่าผู้ต้องขังสามารถเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขที่ได้มาตรฐานสากล

วันที่ 27 สิงหาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แอมเนสตี้ส่งจดหมายถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ขอให้ตรวจสอบการเข้าถึงสิทธิด้านสาธารณสุขของผู้ต้องขังอย่างเร่งด่วนภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในสถานคุมขัง  ย้ำ 5 ข้อเรียกร้องที่ต้องตรวจสอบและดำเนินการอย่างเร่งด่วน ทั้งเรื่องการจัดหาอุปกรณ์และสิ่งของเครื่องใช้ในการดูแลสุขอนามัยขั้นพื้นฐาน

อุปกรณ์ป้องกันจากการติดเชื้อโควิด-19 จัดหาอาหารและโภชนาการให้เพียงพอและเหมาะสม มีมาตรการลดความแออัดเพื่อให้สามารถทำการเว้นระยะห่างทางกายภาพได้ รวมทั้งให้การประกันว่าผู้ต้องขังสามารถเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขที่มาตรฐานสากลได้

นางปิยนุช โคตรรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ระบุว่าจากการติดตามสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในเรือนจำ และได้พูดคุยกับผู้ต้องหาคดีการเมืองในช่วงที่ผ่านมา ทางแอมเนสตี้มีความกังวลเป็นอย่างยิ่งต่อสถานการณ์การเเพร่ระบาดของโรคโควิด– 19 ในสถานคุมขังรวมถึงเรือนจำทั่วประเทศ

พร้อมระบุว่า นับตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2564 มีผู้ต้องหาจากการแสดงออกทางการเมืองอย่างน้อย 12 ราย ต่อมาศาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัวอย่างน้อย 4 ราย ได้แก่ ปนัดดา ศิริมาศกุล สิรชัย นาถึง แซม สาแมท และ ธนพัฒน์ กาเป็ง ซึ่ง 3 รายได้ติดเชื้อโควิดจากเรือนจำ

ในขณะที่ผู้ต้องหาอีก 8 ราย ยังอยู่ระหว่างการคุมขังใน 3 เรือนจำ คือ เรือนจำชั่วคราวรังสิต ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง และทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ได้แก่ พริษฐ์ ชิวารักษ์ ภาณุพงศ์ จาดนอก ชาติชาย แกดำ พรหมศร วีระธรรมจารี ณัฐชนน ไพโรจน์ อานนท์ นำภา จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา และเวหา แสนชนชนะศึก

“เราได้รับรายงานจากทนายความที่เข้าเยี่ยมผู้ต้องหาว่า ผู้ต้องหาที่ยังถูกคุมขังอย่างน้อย 5 รายติดโควิด-19 โดยรวมมีผู้ต้องหาคดีการเมืองที่ได้รับเชื้อโควิดอย่างน้อย 8 ราย จาก 12 ราย เนื่องจากด้วยข้อจำกัดด้านสถานที่ในการคุมขังที่มีความแออัด ผู้ต้องขังจึงไม่สามารถรักษาระยะห่างทางกายภาพ โดยมาตรการที่เป็นทางเลือกอื่นในการบังคับใช้เเทนการคุมขังยังไม่ถูกบังคับใช้ อีกทั้งการเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขที่ล่าช้าและมีข้อจำกัด

รวมถึงสิทธิในการได้รับการพิจารณาคดีที่เป็นธรรมในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยังคลุมเครือและอาจเป็นการเลือกปฏิบัติต่อผู้ต้องหาหรือนักโทษทางการเมือง ทำให้ผู้ต้องขังมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ ซึ่งขัดต่อข้อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง (United Nations Standard Minimum Rules for the Treatment of Prisoners)

“ดังนั้น ทางแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยจึงเรียกร้องให้กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรมตรวจสอบและดำเนินการอย่างเร่งด่วน ดังต่อไปนี้

1. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ต้องจัดหาอุปกรณ์และสิ่งของเครื่องใช้ในการดูแลสุขอนามัยขั้นพื้นฐาน (อาทิ สบู่ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน และน้ำยาสระผม) ให้ผู้ต้องขังอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะในช่วงของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

2. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ต้องจัดหาอุปกรณ์ เช่น หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า เจลหรือสเปรย์แอลกอฮอลล์สำหรับฆ่าเชื้อ และสบู่ล้างมือ ให้กับผู้ต้องหาทุกคนเพื่อให้สามารถป้องกันตนเองจากการติดเชื้อและอาจช่วยให้ลดจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลงได้

3. จัดหาอาหารและโภชนาการให้เพียงพอและเหมาะสม โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เชื้อสามารถแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและรุนแรง การมีโภชนาการที่เพียงพอให้กับผู้ต้องขังยังมีส่วนช่วยในการเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกายในสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวได้

4. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จำเป็นต้องลดความแออัด เพื่อให้สามารถทำการเว้นระยะห่าทางกายภาพ ซึ่งช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสได้

5. ผู้ต้องขังต้องสามารถเข้าถึงบริการด้านสาธารณะสุขที่ได้มาตรฐานสากล เข้าถึงการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างเร่งด่วนเมื่อพบว่าได้รับเชื้อโควิด-19 รวมถึงการเข้าถึงวัคซีนที่เป็นธรรม โดยเฉพาะช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19”