รู้จัก ทองย้อย แสงสินชัย ผู้ประพันธ์กาพย์เห่เรือ รับพระราชทานยศเป็นกรณีพิเศษ

ภาพจากเว็บไซต์ www.navy.mi.th

ทำความรู้จัก นาวาเอกทองย้อย แสงสินชัย นายทหารพ้นราชการ สังกัดกองทัพเรือ ผู้ประพันธ์กาพย์เห่เรือ เพื่อใช้ในขบวนพยุหยาตราชลมารคมาแล้วหลายครั้ง หลังได้รับพระราชทานยศ พลเรือตรี เป็นกรณีพิเศษ 

วันที่ 17 ตุลาคม 2564 กรณี เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศทหารเป็นกรณีพิเศษ ให้แก่ นาวาเอกทองย้อย แสงสินชัย นายทหารพ้นราชการ สังกัดกองทัพเรือ ตามที่ได้รายงานข่าวไปแล้วนั้น

“ประชาชาติธุรกิจ” รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ พลเรือตรี ผู้ประกอบคุณงามความดี มีผลงานเป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชน องค์กร ทำคุณประโยชน์ให้แก่กองทัพเรือและประเทศชาติโดยส่วนรวม

ประวัติชีวิตส่วนตัว

ข้อมูลจากเว็บไซต์กองทัพเรือ ระบุว่า นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย เกิดเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ.2488 ที่จังหวัดราชบุรี  เป็นบุตรนายอิน กับ นางเหมิด แสงสินชัย

นาวาเอก ทองย้อย มีคู่สมรสชื่อ สุดใจ นามสกุลเดิม อินทศิริ เป็นอาจารย์ที่วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี มีบุตรธิดา 3 คน

ปัจจุบันเกษียณอายุราชการจากกองทัพเรือ ตำแหน่งสุดท้ายคือ ผู้อำนวยการกอง กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ แต่ยังคงทำงานด้านวรรณศิลป์ แต่งบทกาพย์กลอน และหนังสือเกี่ยวกับพุทธศาสนา และเป็นวิทยากรให้ความรู้เกี่ยวกับด้านวรรณศิลป์ กับองค์กร สถานศึกษาต่าง ๆ ทั้งราชการและเอกชน

ประวัติการศึกษา

  • พ.ศ. 2499 จบชั้นประถมศึกษา จากโรงเรียนวัดหนองกระทุ่ม อ.ปากท่อ ราชบุรี
  • พ.ศ. 2504 บวชเป็นสามเณร และเริ่มศึกษาบาลี สอบนักธรรมตรี ได้ สำนักเรียนวัดหนองกระทุ่ม
  • พ.ศ. 2505 สอบนักธรรมโท ได้ สำนักเรียนวัดหนองกระทุ่ม
  • พ.ศ. 2506 สอบนักธรรมเอกได้ สำนักเรียนวัดมหาธาตุ ราชบุรี
  • พ.ศ. 2508 สอบประโยค ป.ธ.3 ได้ สำนักเรียนวัดมหาธาตุ ราชบุรี ได้เป็น “พระมหาทองย้อย” ตั้งแต่นั้นมา
  • พ.ศ. 2509 สอบประโยค ป.ธ.4 ได้ สำนักเรียนวัดมหาธาตุ ราชบุรี
  • พ.ศ. 2510 สอบประโยค ป.ธ.5 ได้ สำนักเรียนวัดมหาธาตุ ราชบุรี
  • พ.ศ. 2511 สอบประโยค ป.ธ.6 ได้ สำนักเรียนวัดมหาธาตุ ราชบุรี
  • พ.ศ. 2512 สอบประโยค ป.ธ.7 ได้ สำนักเรียนวัดมหาธาตุ ราชบุรี
  • พ.ศ. 2513 สอบประโยค ป.ธ.8 ได้ สำนักเรียนวัดมหาธาตุ ราชบุรี
  • พ.ศ. 2515 สอบประโยค ป.ธ.9 ได้ สำนักเรียนวัดมหาธาตุ ราชบุรี
  • พ.ศ. 2516 ไปศึกษาต่อปริญญาโทด้านประวัติศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยมคธ รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย หลักสูตร 2 ปี แต่เรียนได้แค่ 1 ปี เกิดเหตุไม่สงบขึ้นใน มหาวิทยาลัยจนถูกสั่งปิด จึงต้องเดินทางกลับเมืองไทย
  • พ.ศ. 2530 รัฐศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

ประวัติการทำงาน

พ.ศ. 2517 ลาสิกขา และเข้าทำงานเป็นนักวิชาการที่ มูลนิธิภูมิพโลภิกขุ เพื่อการค้นคว้า ทางพระพุทธศาสนา สำนักงานตั้งอยู่ในบริเวณวัดสระเกศ กทม.

  • พ.ศ. 2521 เข้ารับราชการเป็นนักภาษาโบราณ กองหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร
  • พ.ศ. 2524 เข้ารับราชการเป็นอนุศาสนาจารย์ กองทัพเรือ
  • พ.ศ. 2529 อนุศาสนาจารย์ กองบังคับการ กรมทหารราบที่ 3 รักษาพระองค์ กรมนาวิกโยธิน (ชื่อหน่วยในขณะนั้น) ค่ายจุฬาภรณ์ จังหวัดนราธิวาส
  • พ.ศ. 2534 อนุศาสนาจารย์โรงเรียนนายเรือ
  • พ.ศ. 2540 อนุศาสนาจารย์อาวุโส กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ
  • พ.ศ. 2542 รองผู้อำนวยการ กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ
  • พ.ศ. 2546 ผู้อำนวยการ กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ
  • พ.ศ. 2548 เกษียณอายุราชการ
  • ในช่วงที่เริ่มบวชเรียนตั้งแต่เป็นสามเณร พระภิกษุ จนถึงเข้ารับราชการ ได้ทำงานด้านวรรณศิลป์มาตลอด ทั้งแต่งบทกวี กาพย์เห่เรือ เขียนบทความ เขียนหนังสือ เป็นวิทยากรฯลฯ ปัจจุบันแม้จะเกษียณอายุราชการมานานแล้วแต่ นาวาเอก ทองย้อย ยังคงได้รับเชิญให้เป็นวิทยากร และที่ปรึกษาทางด้านภาษาไทย ภาษาถิ่น ตลอดจนยังคงทำงานด้านวรรณศิลป์มาอย่างต่อเนื่อง

ประวัติการสร้างสรรค์ผลงาน

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย เป็นผู้มีอุปนิสัยสนใจใครรู้ต่อสิ่งหรือเรื่องราวต่าง ๆ มาตั้งแต่วัยเด็ก เมื่อได้บรรพชาเป็นสามเณร และได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนปริยัติธรรม จึงมิได้สนใจเฉพาะหลักวินัยที่ปรากฏในหลักสูตรการเรียนของแต่ละชั้น แต่ยังเรียนรู้และตั้งข้อสังเกตต่อหลักวิชาและประสบการณ์ต่างๆ ที่ได้พบเห็น ยิ่งได้ซึมซับหลักวิชา และความเป็นไปในสังคมมากเท่าใด ก็ยิ่งเกิดแรงบันดาลใจให้แสดงออกและสร้างสรรค์งานวรรณกรรม

ในด้านกวีนิพนธ์ นาวาเอก ทองย้อย เป็นผู้ที่มีความสามารถอย่างสูงในการแต่งบทกวี โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ได้เริ่มแต่งมาตั้งแต่ครั้งยังบวชเรียน (ดังจะเห็นได้จากฉายาที่ได้รับตอนบวช คือ “วรกวินฺโท” ซึ่งหมายถึง “จอมกวีผู้ประเสริฐ”) โดยในยุคแรก ได้รับแรงบันดาลใจจากสภาพชีวิตชนบทที่ถือกำเนิด ทั้งความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ ผู้คน และวัฒนธรรม

ยิ่งเมื่อได้บรรพชาอุปสมบทและศึกษาปริยัติธรรมอย่างสนใจ ก็ยิ่งทำให้รู้ลึกถึงแก่นแกนของวิถีชีวิตและวัฒนธรรมไทย ซึ่งเกือบทั้งหมดมีพระพุทธศาสนาเป็นบ่อเกิด จึงปรารถนาจะถ่ายทอดและจารึกสิ่งที่ได้ศึกษาและได้เห็นมา หลังจากลาสิกขาก็ยังเขียนงานกวีนิพนธ์อย่างต่อเนื่อง

เมื่อเข้ารับราชการในกองทัพเรือ ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้แต่งบทกวีต่าง ๆ ในโอกาสสำคัญของกองทัพเป็นประจำ ที่สำคัญคือคำร้อยกรองกาพย์เห่เรือ ซึ่งใช้ในพระราชพิธีสำคัญ ๆ ในการเสด็จทางชลมารค การได้รับมอบหมายให้รับหน้าที่เป็นผู้แต่งบทกาพย์เห่เรือเหล่านี้ถือเป็นเกียรติยศอันสูงยิ่งที่ได้รับใช้ต่อองค์พระประมุขของประเทศ ที่ นาวาเอก ทองย้อย จงรักภักดีเป็นที่ยิ่ง และได้รับใช้หน่วยงานต้นสังกัด รวมทั้งยังเป็นการสร้างมรดกให้แก่แผ่นดินสืบไป

ในด้านวรรณกรรมเกี่ยวกับวิชาการศาสนา จากผลของการศึกษาปริยัติธรรมจนจบเปรียญธรรม 9 ประโยค นอกจากทำให้มีความรู้ในทางธรรมเช่นเดียวกับมหาเปรียญทั่วไปแล้ว ยังทำให้เกิดปณิธานแน่วแน่ที่จะปกป้องเชิดชูพระพุทธศาสนา ซึ่งได้แก่หลักธรรมคำสอนให้บริสุทธิ์มั่นคงด้วย การเผยแผ่วิชาการของพระพุทธศาสนาที่ถูกต้อง

และบทบาทในเรื่องนี้ จำเป็นอย่างยิ่งยวดที่ต้องอาศัยความรู้จริง ความวิริยะอุตสาหะในการค้นคว้า และความสามารถทางด้านวรรณกรรม ที่จะถ่ายทอดหลักวิชาซึ่งคนทั่วไปถือว่าเข้าใจยากและน่าเบื่อหน่ายให้คนเข้าใจได้

จึงมุ่งมั่นศึกษาและค้นคว้าวิชาการในพระพุทธศาสนาจนแตกฉาน ฝึกฝนการเขียนงานวิชาการจนสร้างผลงานออกมามิได้ขาด ซึ่งมีทั้งประเภทให้ความรู้ทางพระพุทธศาสนาโดยทั่วไป และผลงานที่มุ่งชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อพระรัตนตรัยที่มีผู้อื่นเขียนขึ้น อันจะทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่พระพุทธศาสนาได้

ผลงานกาพย์เห่เรือ

กาพย์เห่เรือสำคัญ ๆ ที่ นาวาเอก ทองย้อย ได้ ประพันธ์ขึ้นมีดังนี้

1. กาพย์เห่เรือกาญจนาภิเษก  พ.ศ.2539 (กองทัพเรือสร้างเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณรัชกาลที่ 9  ธนาคารไทยพาณิชย์จัดประกวดกาพย์เห่เรือชมเรือลำนี้ และสรรเสริญพระบารมี นาวาเอก ทองย้อยได้รับรางวัลชนะเลิศ และได้แต่งเพิ่มอีก 4 บท รวมเป็น 5 บท ใช้เห่ในวาระที่กองทัพเรือจัดกระบวนพยุหยาตราชลมารค เสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวราราม เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ.2539)

2. กาพย์เห่เรือเฉลิมพระเกียรติ ใช้เห่ในวาระที่กองทัพเรือจัดกระบวนพยุหยาตราชลมารค เนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 5 ธันวาคม 2542 ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวราราม เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2542

3.กาพย์เห่เรือเอเปค ใช้เห่ในวาระที่กองทัพเรือได้รับมอบหมายให้จัดแสดงกระบวนพยุหยาตราชลมารค ใน 20 ตุลาคม 2564 ในโอกาสที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมผู้นำเอเปค (กาพย์เห่เรือที่แต่งในงานนี้มี 2 บท คือ ชมเรือกระบวน และ ชมเมือง)

4. กาพย์เห่เรือฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ใช้เห่ในวาระที่กองทัพเรือได้รับมอบหมายให้เชิญขบวนเรือพระราชพิธี(จัดแสดงกระบวนพยุหยาตราชลมารค) ใน 12 มิถุนายน 2549 ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตร พร้อมด้วยพระราชอาคันตุกะจากประเทศต่าง ๆ ณ ราชนาวิกสภา

5. กาพย์เห่เรือเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ใช้เห่ในพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวราราม โดยกระบวนพยุหยาตราชลมารค ประจำปี 2550 วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2550

6. กาพย์เห่เรือเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ ใช้เห่ในพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวราราม โดยกระบวนพยุหยาตราชลมารค ประจำปี 2555 วันที่ 9 พฤศจิกายน 2555

7. กาพย์เห่เรือเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลกองทัพเรือจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน เดือนพฤศจิกายน 2561

8. กาพย์เห่เรือเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เสด็จเลียบพระนคร และงานพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ณ วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร วันที่ 24 ตุลาคม พุทธศักราช 2562