ทำความรู้จัก นาวาเอกทองย้อย แสงสินชัย นายทหารพ้นราชการ สังกัดกองทัพเรือ ผู้ประพันธ์กาพย์เห่เรือ เพื่อใช้ในขบวนพยุหยาตราชลมารคมาแล้วหลายครั้ง หลังได้รับพระราชทานยศ พลเรือตรี เป็นกรณีพิเศษ
วันที่ 17 ตุลาคม 2564 กรณี เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศทหารเป็นกรณีพิเศษ ให้แก่ นาวาเอกทองย้อย แสงสินชัย นายทหารพ้นราชการ สังกัดกองทัพเรือ ตามที่ได้รายงานข่าวไปแล้วนั้น
- Q1 “ITD” สะเทือน 4 แบงก์ใหญ่ ส่อตั้งสำรองเพิ่ม-กำไรหด
- เปิด 10 อันดับ สายงานราชการที่จะเกษียณอายุมากสุดในระยะสิบปี
- ประกันสังคม ขายหุ้น “บางจาก” 1.5 ล้านหุ้น หลังซื้อ 4.7 แสนหุ้น เมื่อ 4 วันก่อน
“ประชาชาติธุรกิจ” รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ พลเรือตรี ผู้ประกอบคุณงามความดี มีผลงานเป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชน องค์กร ทำคุณประโยชน์ให้แก่กองทัพเรือและประเทศชาติโดยส่วนรวม
ประวัติชีวิตส่วนตัว
ข้อมูลจากเว็บไซต์กองทัพเรือ ระบุว่า นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย เกิดเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ.2488 ที่จังหวัดราชบุรี เป็นบุตรนายอิน กับ นางเหมิด แสงสินชัย
นาวาเอก ทองย้อย มีคู่สมรสชื่อ สุดใจ นามสกุลเดิม อินทศิริ เป็นอาจารย์ที่วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี มีบุตรธิดา 3 คน
ปัจจุบันเกษียณอายุราชการจากกองทัพเรือ ตำแหน่งสุดท้ายคือ ผู้อำนวยการกอง กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ แต่ยังคงทำงานด้านวรรณศิลป์ แต่งบทกาพย์กลอน และหนังสือเกี่ยวกับพุทธศาสนา และเป็นวิทยากรให้ความรู้เกี่ยวกับด้านวรรณศิลป์ กับองค์กร สถานศึกษาต่าง ๆ ทั้งราชการและเอกชน
ประวัติการศึกษา
- พ.ศ. 2499 จบชั้นประถมศึกษา จากโรงเรียนวัดหนองกระทุ่ม อ.ปากท่อ ราชบุรี
- พ.ศ. 2504 บวชเป็นสามเณร และเริ่มศึกษาบาลี สอบนักธรรมตรี ได้ สำนักเรียนวัดหนองกระทุ่ม
- พ.ศ. 2505 สอบนักธรรมโท ได้ สำนักเรียนวัดหนองกระทุ่ม
- พ.ศ. 2506 สอบนักธรรมเอกได้ สำนักเรียนวัดมหาธาตุ ราชบุรี
- พ.ศ. 2508 สอบประโยค ป.ธ.3 ได้ สำนักเรียนวัดมหาธาตุ ราชบุรี ได้เป็น “พระมหาทองย้อย” ตั้งแต่นั้นมา
- พ.ศ. 2509 สอบประโยค ป.ธ.4 ได้ สำนักเรียนวัดมหาธาตุ ราชบุรี
- พ.ศ. 2510 สอบประโยค ป.ธ.5 ได้ สำนักเรียนวัดมหาธาตุ ราชบุรี
- พ.ศ. 2511 สอบประโยค ป.ธ.6 ได้ สำนักเรียนวัดมหาธาตุ ราชบุรี
- พ.ศ. 2512 สอบประโยค ป.ธ.7 ได้ สำนักเรียนวัดมหาธาตุ ราชบุรี
- พ.ศ. 2513 สอบประโยค ป.ธ.8 ได้ สำนักเรียนวัดมหาธาตุ ราชบุรี
- พ.ศ. 2515 สอบประโยค ป.ธ.9 ได้ สำนักเรียนวัดมหาธาตุ ราชบุรี
- พ.ศ. 2516 ไปศึกษาต่อปริญญาโทด้านประวัติศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยมคธ รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย หลักสูตร 2 ปี แต่เรียนได้แค่ 1 ปี เกิดเหตุไม่สงบขึ้นใน มหาวิทยาลัยจนถูกสั่งปิด จึงต้องเดินทางกลับเมืองไทย
- พ.ศ. 2530 รัฐศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
ประวัติการทำงาน
พ.ศ. 2517 ลาสิกขา และเข้าทำงานเป็นนักวิชาการที่ มูลนิธิภูมิพโลภิกขุ เพื่อการค้นคว้า ทางพระพุทธศาสนา สำนักงานตั้งอยู่ในบริเวณวัดสระเกศ กทม.
- พ.ศ. 2521 เข้ารับราชการเป็นนักภาษาโบราณ กองหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร
- พ.ศ. 2524 เข้ารับราชการเป็นอนุศาสนาจารย์ กองทัพเรือ
- พ.ศ. 2529 อนุศาสนาจารย์ กองบังคับการ กรมทหารราบที่ 3 รักษาพระองค์ กรมนาวิกโยธิน (ชื่อหน่วยในขณะนั้น) ค่ายจุฬาภรณ์ จังหวัดนราธิวาส
- พ.ศ. 2534 อนุศาสนาจารย์โรงเรียนนายเรือ
- พ.ศ. 2540 อนุศาสนาจารย์อาวุโส กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ
- พ.ศ. 2542 รองผู้อำนวยการ กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ
- พ.ศ. 2546 ผู้อำนวยการ กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ
- พ.ศ. 2548 เกษียณอายุราชการ
- ในช่วงที่เริ่มบวชเรียนตั้งแต่เป็นสามเณร พระภิกษุ จนถึงเข้ารับราชการ ได้ทำงานด้านวรรณศิลป์มาตลอด ทั้งแต่งบทกวี กาพย์เห่เรือ เขียนบทความ เขียนหนังสือ เป็นวิทยากรฯลฯ ปัจจุบันแม้จะเกษียณอายุราชการมานานแล้วแต่ นาวาเอก ทองย้อย ยังคงได้รับเชิญให้เป็นวิทยากร และที่ปรึกษาทางด้านภาษาไทย ภาษาถิ่น ตลอดจนยังคงทำงานด้านวรรณศิลป์มาอย่างต่อเนื่อง
ประวัติการสร้างสรรค์ผลงาน
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย เป็นผู้มีอุปนิสัยสนใจใครรู้ต่อสิ่งหรือเรื่องราวต่าง ๆ มาตั้งแต่วัยเด็ก เมื่อได้บรรพชาเป็นสามเณร และได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนปริยัติธรรม จึงมิได้สนใจเฉพาะหลักวินัยที่ปรากฏในหลักสูตรการเรียนของแต่ละชั้น แต่ยังเรียนรู้และตั้งข้อสังเกตต่อหลักวิชาและประสบการณ์ต่างๆ ที่ได้พบเห็น ยิ่งได้ซึมซับหลักวิชา และความเป็นไปในสังคมมากเท่าใด ก็ยิ่งเกิดแรงบันดาลใจให้แสดงออกและสร้างสรรค์งานวรรณกรรม
ในด้านกวีนิพนธ์ นาวาเอก ทองย้อย เป็นผู้ที่มีความสามารถอย่างสูงในการแต่งบทกวี โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ได้เริ่มแต่งมาตั้งแต่ครั้งยังบวชเรียน (ดังจะเห็นได้จากฉายาที่ได้รับตอนบวช คือ “วรกวินฺโท” ซึ่งหมายถึง “จอมกวีผู้ประเสริฐ”) โดยในยุคแรก ได้รับแรงบันดาลใจจากสภาพชีวิตชนบทที่ถือกำเนิด ทั้งความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ ผู้คน และวัฒนธรรม
ยิ่งเมื่อได้บรรพชาอุปสมบทและศึกษาปริยัติธรรมอย่างสนใจ ก็ยิ่งทำให้รู้ลึกถึงแก่นแกนของวิถีชีวิตและวัฒนธรรมไทย ซึ่งเกือบทั้งหมดมีพระพุทธศาสนาเป็นบ่อเกิด จึงปรารถนาจะถ่ายทอดและจารึกสิ่งที่ได้ศึกษาและได้เห็นมา หลังจากลาสิกขาก็ยังเขียนงานกวีนิพนธ์อย่างต่อเนื่อง
เมื่อเข้ารับราชการในกองทัพเรือ ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้แต่งบทกวีต่าง ๆ ในโอกาสสำคัญของกองทัพเป็นประจำ ที่สำคัญคือคำร้อยกรองกาพย์เห่เรือ ซึ่งใช้ในพระราชพิธีสำคัญ ๆ ในการเสด็จทางชลมารค การได้รับมอบหมายให้รับหน้าที่เป็นผู้แต่งบทกาพย์เห่เรือเหล่านี้ถือเป็นเกียรติยศอันสูงยิ่งที่ได้รับใช้ต่อองค์พระประมุขของประเทศ ที่ นาวาเอก ทองย้อย จงรักภักดีเป็นที่ยิ่ง และได้รับใช้หน่วยงานต้นสังกัด รวมทั้งยังเป็นการสร้างมรดกให้แก่แผ่นดินสืบไป
ในด้านวรรณกรรมเกี่ยวกับวิชาการศาสนา จากผลของการศึกษาปริยัติธรรมจนจบเปรียญธรรม 9 ประโยค นอกจากทำให้มีความรู้ในทางธรรมเช่นเดียวกับมหาเปรียญทั่วไปแล้ว ยังทำให้เกิดปณิธานแน่วแน่ที่จะปกป้องเชิดชูพระพุทธศาสนา ซึ่งได้แก่หลักธรรมคำสอนให้บริสุทธิ์มั่นคงด้วย การเผยแผ่วิชาการของพระพุทธศาสนาที่ถูกต้อง
และบทบาทในเรื่องนี้ จำเป็นอย่างยิ่งยวดที่ต้องอาศัยความรู้จริง ความวิริยะอุตสาหะในการค้นคว้า และความสามารถทางด้านวรรณกรรม ที่จะถ่ายทอดหลักวิชาซึ่งคนทั่วไปถือว่าเข้าใจยากและน่าเบื่อหน่ายให้คนเข้าใจได้
จึงมุ่งมั่นศึกษาและค้นคว้าวิชาการในพระพุทธศาสนาจนแตกฉาน ฝึกฝนการเขียนงานวิชาการจนสร้างผลงานออกมามิได้ขาด ซึ่งมีทั้งประเภทให้ความรู้ทางพระพุทธศาสนาโดยทั่วไป และผลงานที่มุ่งชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อพระรัตนตรัยที่มีผู้อื่นเขียนขึ้น อันจะทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่พระพุทธศาสนาได้
ผลงานกาพย์เห่เรือ
กาพย์เห่เรือสำคัญ ๆ ที่ นาวาเอก ทองย้อย ได้ ประพันธ์ขึ้นมีดังนี้
1. กาพย์เห่เรือกาญจนาภิเษก พ.ศ.2539 (กองทัพเรือสร้างเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณรัชกาลที่ 9 ธนาคารไทยพาณิชย์จัดประกวดกาพย์เห่เรือชมเรือลำนี้ และสรรเสริญพระบารมี นาวาเอก ทองย้อยได้รับรางวัลชนะเลิศ และได้แต่งเพิ่มอีก 4 บท รวมเป็น 5 บท ใช้เห่ในวาระที่กองทัพเรือจัดกระบวนพยุหยาตราชลมารค เสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวราราม เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ.2539)
2. กาพย์เห่เรือเฉลิมพระเกียรติ ใช้เห่ในวาระที่กองทัพเรือจัดกระบวนพยุหยาตราชลมารค เนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 5 ธันวาคม 2542 ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวราราม เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2542
3.กาพย์เห่เรือเอเปค ใช้เห่ในวาระที่กองทัพเรือได้รับมอบหมายให้จัดแสดงกระบวนพยุหยาตราชลมารค ใน 20 ตุลาคม 2564 ในโอกาสที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมผู้นำเอเปค (กาพย์เห่เรือที่แต่งในงานนี้มี 2 บท คือ ชมเรือกระบวน และ ชมเมือง)
4. กาพย์เห่เรือฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ใช้เห่ในวาระที่กองทัพเรือได้รับมอบหมายให้เชิญขบวนเรือพระราชพิธี(จัดแสดงกระบวนพยุหยาตราชลมารค) ใน 12 มิถุนายน 2549 ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตร พร้อมด้วยพระราชอาคันตุกะจากประเทศต่าง ๆ ณ ราชนาวิกสภา
5. กาพย์เห่เรือเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ใช้เห่ในพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวราราม โดยกระบวนพยุหยาตราชลมารค ประจำปี 2550 วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2550
6. กาพย์เห่เรือเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ ใช้เห่ในพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวราราม โดยกระบวนพยุหยาตราชลมารค ประจำปี 2555 วันที่ 9 พฤศจิกายน 2555
7. กาพย์เห่เรือเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลกองทัพเรือจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน เดือนพฤศจิกายน 2561
8. กาพย์เห่เรือเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เสด็จเลียบพระนคร และงานพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ณ วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร วันที่ 24 ตุลาคม พุทธศักราช 2562