ส.ก. พรรคก้าวไกล บี้ กทม. เร่งสางหนี้ BTS ก่อนพุ่งถึง 1 แสนล้าน

บีทีเอส

นายอานุภาพ ธารทอง สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตสาธร พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายถึงประเด็นหนี้จากการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว และภาระงบประมาณผูกพัน

วันที่ 7 กรกฎาคม 2565 นายอานุภาพ ธารทอง สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตสาทร พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566

โดย นายอานุภาพได้อภิปรายในประเด็นเกี่ยวกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวโดยกล่าวว่า หนี้จากการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวยิ่งนับวันมีแต่จะเพิ่มขึ้น จากเดือนกรกฎาคม 2564 หนี้จากโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวมีประมาณ 3.3 หมื่นล้าน เมื่อนช่วงเดือนมกราคม 2565 ประมาณ 3.7 ล้านบาท และจากการประมาณการณ์นั้นมีโอกาสที่สิ้นปีนี้จะมีหนี้สูงถึง 3.9 หมื่นล้านบาทหรือเกือบ 4 หมื่นล้านบาท

ถ้าหากกรุงเทพมหานครไม่มีแผนการชำระหนี้ในส่วนนี้ที่ชัดเจนในปี 2572 นั้นมีโอกาสที่หนี้ก้อนนี้จะสูงถึง 9 หมื่นล้านบาท เมื่อรวมกับหนี้ก้อนอื่น ๆ ภาระหนี้จากโครงการรถไฟฟ้าสีเขียวจะสูงถึง 1 แสนล้านบาท

โดยนายอานุภาพยังอภิปรายต่ออีกว่าด้วยเหตุนี้จึงเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่จะเร่มเก็บค่าโดยสารขั้นสูงต่อเที่ยวไม่เกิน 59 บาท และเริ่มต้นแผนการบริหารจัดการหนี้สินในก้อนนี้ และต้องการให้กรุงเทพมหานครได้ศึกษาในระบบตั๋วร่วมค่าโดยสารร่วมเพื่อลดการซับซ้อนจากกรณีค่าแรกเข้า

นายอานุภาพ ธารทอง ยังได้อภิปรายในประเด็นงบประมาณผูกพันที่ในปีนี้มีงบประมาณผูกพันสูงถึง 2.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้มีบางส่วนที่เป็นโครงการที่ยังไม่ได้ทำสัญญาอยู่เป็นวงเงินถึง 9,235 ล้านบาท

“หากฝ่ายบริหารสามารถชะลอ ยกเลิก หรือปรับปรุงขอบเขตโครงการบางโครงการได้จะสามารถประหยัดงบประมาณไปได้กว่า 1 พันล้านบาท”

ในประเด็นสุดท้ายนั้นนายอานุภาพ ธารทองได้ฝากข้อคิดการทำงานให้แก่คณะผู้ทำงาน 3 ข้อ คือ เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย นำเงินเหลือไปใช้หนี้

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ได้ตอบประเด็นข้อซักถามของนายอานุภาพ ธารทอง สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตสาทร พรรคก้าวไกล กรณีหนี้ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ระบุว่า “กรณีหนี้ของรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ได้ยกมานั้นเป็นกรณีหนี้สินระหว่างกรุงเทพธนาคมกับเอกชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่ากังวลใจเท่าใดนัก”

นานชัชชาติ กล่าวด้วยว่า กรณีในขณะนี้ที่ต้องพิจารณาดู ซึ่งจะต้องนำเรื่องขึ้นสู่สภาแห่งนี้ในฐานะตัวแทนของประชาชนชาวกรุงเทพมหานครนั้น คือหนี้สินระหว่างกรุงเทพมหานครกับกรุงเทพธนาคมมากกว่า ซึ่งกรณีหนี้ดังกล่าวจะต้องมาพิจารณาว่ามันถูกต้องสมควรหรือไม่ประการใด