Facebook ผนึก 6 พันธมิตร ลุย #StayingSafeOnline ลดเสี่ยงภัยไซเบอร์

เฟซบุ๊ก facebook
Photo by Luca Sammarco

เฟซบุ๊ก ร่วมกับ 6 พันธมิตร เดินหน้าแคมเปญ #StayingSafeOnline ลดความเสี่ยงเกิดภัยไซเบอร์

วันที่ 28 พฤษภาคม 2565 Facebook ประเทศไทย จาก Meta พร้อมสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โคแฟค ประเทศไทย และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกาศความร่วมมือในเฟสสองของแคมเปญ #StayingSafeOnline เพื่อสร้างการตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาการหลอกลวงผ่านช่องทางซื้อขายออนไลน์ที่มีความรุนแรงมากขึ้น และสนับสนุนให้คนไทยสามารถป้องกันตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงกลโกงของนักต้มตุ๋น

โดยการเปิดตัวเฟสที่สองของแคมเปญผ่านวิดีโอสั้นที่ให้ความรู้ในหัวข้อเกี่ยวกับภัยหลอกลวงจากช่องทางการซื้อขายออนไลน์สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลที่มากขึ้นเกี่ยวกับปัญหาการหลอกลวงผ่านช่องทางซื้อขายออนไลน์ โดยจากข้อมูลของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือสพธอ. ในปี พ.ศ. 2564 ประเทศไทยมีจำนวนผู้ร้องเรียนถึงปัญหาดังกล่าวราว 50,000 ครั้ง และมีการร้องเรียนผ่านศูนย์รับเรื่องร้องเรียนปัญหาออนไลน์ (ผ่านสายด่วน 1212 Online Complaint Center หรือ 1212 OCC) ของ สพธอ. ถึง 17,112 ครั้ง ในช่วงระหว่างเดือนมกราคม – มีนาคม พ.ศ. 2565 โดยมีคำร้องเรียนกว่า 6,613 ครั้ง ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการหลอกลวงบนโลกออนไลน์

นายมีธรรม ณ ระนอง รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ กล่าวว่า สิ่งที่มักได้รับการรายงานและพบได้บ่อย คือ สั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ และไม่ได้รับหรือสินค้าที่ได้รับไม่เหมือนกับรูปภาพสินค้าที่แสดงไว้ มูลค่าความเสียหายของแต่ละบุคคลจะดูเหมือนไม่มาก ประมาณ 300 ถึง 1,000 บาท แต่นักต้มตุ๋นจะใช้จุดนี้หลอกลวงผู้คนจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้วก็เปิดบัญชีใหม่ไปเรื่อย ๆ

“หน้าที่ของเราคือการประสานงานกับพันธมิตรต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ แต่เรามองว่าคือการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ ประเด็นสำคัญคือการมุ่งแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ ซึ่งเป็นเหตุผลที่เราได้ลงทุนในโครงการนี้เพื่อให้ความรู้กับคนไทย และปกป้องพวกเขาให้ปลอดภัยจากการตกเป็นเหยื่อ”

ด้านพล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช. ก.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แสดงความคิดเห็นว่า ในปัจจุบัน อาชญากรรมเกิดขึ้นในรูปแบบที่ไม่สามารถระบุตัวตนของอาชญากร ทั้งยังไม่มีข้อจำกัดด้านพรมแดน ดังนั้นการร่วมมือกับพันธมิตรหลักเชิงกลยุทธ์ทั้งในระดับท้องถิ่นและต่างชาติ จึงเป็นกุญแจสำคัญในการจัดการกับปัญหาอาชญากรรมเหล่านี้

ดังนั้นการให้ความรู้และสนับสนุนให้ประชาชนสามารถดูแลตนเองให้ปลอดภัยบนโลกออนไลน์ เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุดในการต่อสู้กับปัญหาการหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต แคมเปญนี้จึงเป็นอีกช่องทางสำคัญในการสนับสนุนแนวคิดดังกล่าว

นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ ผู้ร่วมก่อตั้ง โคแฟค ประเทศไทย เน้นย้ำถึงการดำเนินงานและวิสัยทัศน์ขององค์กรว่า “โคแฟคเป็นชุมชนที่รวบรวมข้อมูลเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงและสร้างการรับรู้เกี่ยวกับข้อเท็จจริงนั้น และเชื่อมั่นในการสร้างความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแคมเปญนี้ เพื่อสนับสนุนให้ประชากรยุคดิจิทัลสามารถรับมือกับโลกที่พัฒนาและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดยั้ง

นางสาวจิตสถา ศรีประเสริฐสุข ผู้ช่วยเลขาธิการ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่าการใช้บริการดิจิทัล โดยเฉพาะในการซื้อขายออนไลน์ เป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด และด้วยการเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ เหล่านักต้มตุ๋นจึงมองเห็นโอกาสในการหลอกลวงเพื่อหาเงินจากผู้คน เป็นสาเหตุที่ กสทช.ต้องการสนับสนุนให้คนไทยมีความตระหนักรู้มากขึ้นเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว และหันมาตรวจสอบความน่าเชื่อถือของร้านค้าและผู้ขายก่อนสั่งซื้อสินค้าออนไลน์

นายไมเคิล บัค หัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะ Facebook ประเทศไทย เสริมว่า ที่ Meta มีความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือผู้คนให้สามารถเชื่อมต่อ ค้นหาชุมชน และพัฒนาธุรกิจให้เติบโตได้อย่างปลอดภัยบนแพลตฟอร์มผ่านนโยบาย มาตรการป้องกัน และเทคโนโลยีต่าง ๆ

“โดยตลอดช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดที่ผ่านมา คนไทย ซึ่งรวมไปถึงเจ้าของธุรกิจต่าง ๆ มีความเข้มแข็งอย่างมากในการรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว การสร้างประสบการณ์ที่ปลอดภัยสำหรับทุกคนในการค้นหาสินค้าและแบรนด์ที่พวกเขาชื่นชอบและต้องการเชื่อมต่อด้วยบนแพลตฟอร์มของเราจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง”

“จึงเดินหน้าให้ความรู้กับคนไทยผ่านแคมเปญสร้างการตระหนักรู้ #StayingSafeOnline เพื่อปกป้องพวกเขาจากการถูกหลอกลวง เราขอขอบคุณพันธมิตรทุกฝ่ายที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ และช่วยให้เราสามารถส่งต่อองค์ความรู้และดูแลความปลอดภัยให้กับคนไทยบนโลกออนไลน์ได้”

และการเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการดูแลความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ในโครงการ #StayingSafeOnline และรายละเอียดหลักสูตรการเรียนรู้ต่าง ๆ สร้างสรรค์ขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยชั้นนำจากทีมงานด้านความปลอดภัย ความมั่นคง และนักวิจัยกว่า 35,000 คน ของ Meta โดยเป็นเนื้อหาที่ให้ความรู้เกี่ยวกับปัญหาการหลอกลวงบนโลกออนไลน์ที่มักพบบ่อยที่สุด และลักษณะทั่วไปของนักต้มตุ๋น เป็นต้น


สำหรับเฟสสองของโครงการจะให้ความสำคัญกับหัวข้อ “ความปลอดภัยในการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์” และมีเคล็ดลับต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้าและบริการจากผู้ขายออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ การหยุดคิดสักครู่ก่อนซื้อ และวิธีการรายงานการหลอกลวงบน Facebook และ Instagram