คอลัมน์ : สัมภาษณ์
สถานการณ์เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองของประเทศไทยในรอบปีที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน เรียกได้ว่าอยู่ในภาวะที่คาดเดาได้ยาก และส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่งไม่น้อย แม้ผ่านพ้นการเลือกตั้งมาแล้ว แต่ยังไม่มีความชัดเจนจากรัฐบาล ผู้ประกอบการหลายรายจึงต้องวางแผนปรับตัวอย่างต่อเนื่อง
โดย “ธนพิริยะ” หรือ TNP ผู้ประกอบการค้าส่งค้าปลีกรายใหญ่ในจังหวัดเชียงราย เปิดเผยตัวเลขผลประกอบการติดลบ และได้วางแผนฟื้นตัวสูงสุดในปี 2566
“เภสัชกรหญิงอมร พุฒิพิริยะ” ผู้บริหาร บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ย้อนกลับไปเมื่อปี 2564 ตลาดการค้าค่อนข้างคึกคัก ตัวเลขผลประกอบการของธนพิริยะเติบโตสูงมาก เพราะมีเงินสนับสนุนจากโครงการของภาครัฐ ถือเป็นนิวไฮของบริษัทที่ทำกำไรได้ถึง 192 ล้านบาท รวมรายได้กว่า 2,600 ล้านบาท
เมื่อมาถึงปี 2565 ผลประกอบการกลับดรอปลง ตัวเลขติดลบไปประมาณ 7% รายได้รวมอยู่ที่ 2,400 ล้านบาท กระทั่งในปี 2566 จึงค่อย ๆ ขยับตัวเพิ่มขึ้น
“สถานการณ์ในปี 2564 และปี 2565 ไม่ได้เกินกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ และหากมองเปรียบเทียบกับปี 2566 ในไตรมาสแรก เรามีอัตราการเติบโตของยอดขายเพิ่มขึ้น แต่กำไรกลับได้เพียงเล็กน้อยประมาณ 38 ล้านบาท เพราะมีปัจจัยลบเรื่องค่าน้ำมัน และค่าไฟแพงมาฉุดไว้ ในไตรมาสที่ 2 เราทำกำไรไปได้ประมาณ 74 ล้านบาท ตอนนี้เหลือ 2 ไตรมาส
โดยไตรมาส 3 และไตรมาส 4 วางแผนกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มขึ้นมา เมื่อรวมทั้ง 4 ไตรมาสของปี 2566 ตั้งเป้าเติบโตประมาณ 10% ให้รายได้กลับขึ้นไปที่ 2,600 ล้านบาท รวมจากการขยายสาขาเพิ่มอีกประมาณ 4-5 สาขาโดยใช้เงินลงทุนทั้งการจัดซื้อที่ดิน สร้างร้าน ปรับปรุงระบบต่าง ๆ ประมาณ 150 ล้านบาท ขณะเดียวกันต้องรอดูสถานการณ์การเมืองประกอบกันไปด้วยว่าจะเป็นอย่างไร”
ปักหมุดเชียงรายเพิ่ม 4 สาขา
ปัจจุบันธนพิริยะมีทั้งหมด 42 สาขา กระจายตัวอยู่ใน 3 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ และพะเยา จากแผนที่วางไว้อาจเพิ่มสาขาใหม่เป็นสโตร์ขนาดเล็ก 4 สาขา และแฟลกชิปสโตร์ขนาดใหญ่อีก 1 สาขา ทั้งหมดน่าจะอยู่ในจังหวัดเชียงราย
โดยสโตร์หรือร้านของธนพิริยะเป็นร้านค้าขนาดเล็กกว่า 80% พื้นที่ขายอยู่ที่ 300 ตารางเมตร พื้นที่คลังประมาณ 400-500 ตารางเมตร ส่วนสโตร์ที่เหลืออีก 20% จะเป็นขนาดกลางและขนาดใหญ่ 800 ตารางเมตรขึ้นไป ไม่เกิน 1,000 ตารางเมตร
“เภสัชกรหญิงอมร” บอกว่า จังหวัดเชียงรายมีศักยภาพสูง เป็นเมืองที่กำลังโตไล่ตามหลังจังหวัดเชียงใหม่ กำลังซื้อของผู้บริโภคอาจไม่เทียบเท่ากับเชียงใหม่ แต่มีแหล่งท่องเที่ยวที่กำลังพัฒนาศักยภาพเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เงินสะพัดในพื้นที่ค่อนข้างมาก อนาคตการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงรายน่าจะเติบโต และบูมขึ้นได้อย่างแน่นอน
“ธนพิริยะเกิดมาจากจังหวัดเชียงราย เป็นผู้ประกอบการท้องถิ่นมีรากฐานมาจากร้านโชห่วยตั้งแต่รุ่นพ่อ คนเชียงรายรู้จักเราดี เห็นสีร้านก็มั่นใจในคุณภาพสินค้าแล้ว ฉะนั้นเราต้องปักหมุดไว้ให้แน่น ที่สำคัญในจังหวัดเชียงรายเรามีสาขากระจายตัวอยู่มากที่สุด มียอดขายสูงกว่าเชียงใหม่และพะเยา
ซึ่งมีสาขาอยู่ในเขตพื้นที่รอยต่อของจังหวัดเชียงรายเท่านั้น ยังไม่บุกไปถึงกลางเมือง นอกจากนี้ ผู้คนต่างถิ่นหรือจากต่างจังหวัดเริ่มย้ายถิ่นฐานมาปักหลักอยู่ในจังหวัดเชียงรายมากขึ้นด้วย”
ทั้งนี้ ลูกค้าของธนพิริยะอยู่ในกลุ่มครัวเรือนเป็นหลัก โดยเฉพาะแม่บ้านที่ใช้จ่ายค่อนข้างมาก ถัดมาเป็นกลุ่มนักศึกษา นักเรียน และประชาชนทั่วไป ส่วนกลุ่มนักท่องเที่ยวยังคงไม่มากนัก สาขาของธนพิริยะในจังหวัดเชียงรายได้ลูกค้านักท่องเที่ยวเฉพาะสาขาที่อยู่ในเขตพื้นที่แม่ฟ้าหลวง และสาขาที่อยู่ใกล้โรงแรมเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน แตกต่างจากเมืองท่องเที่ยวแถบอันดามัน ซึ่งมีลูกค้านักท่องเที่ยวคึกคัก
แตกไลน์สู่ศูนย์กระจายสินค้า
“เภสัชกรหญิงอมร” บอกว่า ธนพิริยะมีสโลแกนร้านว่า “ราคาถูกจริง ช้อปปิ้งถูกใจ อยู่ใกล้บ้านคุณ” มีกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับการเติบโตขององค์กร 3 ส่วน คือ 1.ระบบหลังบ้าน ทุกขั้นตอนต้องละเอียด ตรวจสอบได้ เพราะรูรั่วเพียงจุดเดียวอาจทำให้ล่มทั้งระบบ
2.ต้องพัฒนาเรื่องคนให้บริการลูกค้าอย่างมีมาตรฐาน อย่างพนักงานของธนพิริยะที่มีอยู่กว่า 800 คน ต้องเก่ง ดี และมีสุข 3.เรื่องโลจิสติกส์ถือว่าเป็นหัวใจของการค้า หากสามารถลดต้นทุนส่วนนี้ได้ รายจ่ายส่วนอื่นจะลดลงตามไปด้วย
ปัจจุบันธนพิริยะเน้นการตลาดไปที่ตลาดออฟไลน์ผ่านหน้าร้านเป็นหลัก ขายสินค้าอุปโภคบริโภคโดยไม่มีของสด สัดส่วนการขายปลีกมากกว่าการขายส่งกว่า 80% ขณะที่ตลาดออนไลน์ผ่านลาซาด้าและเฟซบุ๊กมีสัดส่วนน้อยมากแทบไม่ถึง 1% ด้วยข้อจำกัดของขนาดสินค้าและการขนส่งที่สร้างกำไรได้ค่อนข้างน้อย แม้จะสามารถเพิ่มยอดขายได้มากขึ้นก็ตาม
นอกจากนี้ ธนพิริยะยังแตกไลน์ธุรกิจด้วยการทำศูนย์กระจายสินค้า มูลค่าลงทุนประมาณ 3.5 ล้านบาท ซึ่งได้ทดลองเปิดบริการมาประมาณ 1 ปีแล้ว โดยกระจายสินค้าส่งให้โรงแรม ร้านอาหาร ที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ไปจนถึงพื้นที่รอยต่อจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดพะเยา ให้กับเนสท์เล่ เช่น ซอส กาแฟ เครื่องปรุง มีพื้นที่ทำการสำหรับจัดการกระจายสินค้าอยู่ในบริษัทธนพิริยะที่เป็นบริษัทแม่
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีกของธนพิริยะยังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ส่วนธุรกิจการกระจายสินค้าเพียงแค่การทดลอง และฝึกทีมงานเท่านั้น ยังเน้นไปที่แผนดำเนินงานและจัดระบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางการค้า ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งในยุคโควิด-19 ผู้ประกอบการร้านค้าได้รับการซัพพอร์ตจากรัฐบาลและอยู่ในสภาวะที่ดีกว่าห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่
แต่ตอนนี้สถานการณ์หลายอย่างยังไม่แน่นอน เศรษฐกิจก็ไม่ดี เกิดเงินเฟ้อ ข้าวของทุกอย่างแพงขึ้น และการฟื้นตัวของภาคธุรกิจยังไม่ครบทุกภาคส่วน มีเพียงภาคการท่องเที่ยวและผู้คนเฉพาะกลุ่ม อย่างร้านอาหาร โรงแรมที่สามารถสร้างรายได้ดี