ทุเรียนทองผาภูมิ มาแรง โค่นยางแห่ปลูกเฉียด 2 หมื่นไร่

Thong Pha Phum Durian

“ทุเรียน” หนึ่งในพืชเศรษฐกิจหลักที่มีมูลค่าการส่งออกไปตลาดหลักประเทศจีนกว่า 1 แสนล้านบาท และยังมีความต้องการสูง ส่งผลดีต่อราคา ทำให้จูงใจเกษตรกรหลายจังหวัดหันมาปลูกทุเรียนเพิ่มขึ้น “กาญจนบุรี” เป็นหนึ่งในจังหวัดภาคตะวันตกที่เกษตรกรบางส่วนโค่นยางหันมาปลูกทุเรียน โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ ซึ่งทรัพยากรธรรมชาติมีความอุดมสมบูรณ์ทั้งดินและน้ำ ปัจจุบัน “ทุเรียนทองผาภูมิ” ได้รับสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) การันตีความอร่อย

เมื่อเร็ว ๆ นี้ สมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทยได้พาสื่อมวลชนลงพื้นที่ไปเยี่ยมชมสวนทุเรียนหลายแห่งที่อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี และร่วมเสวนาในหัวข้อเรื่อง “การผลิตทุเรียนทองผาภูมิอย่างยั่งยืน”

ทองผาภูมิไม่ฉุนไร้เสี้ยน

ผศ.ดร.สุนทร พิพิธแสงจันทร์ นายกสมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากการสำรวจการปลูกทุเรียนในพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ ปี 2566 มีพื้นที่จดทะเบียนประมาณ 7,000 ไร่ แต่ถ้ารวมพื้นที่ปลูกทั้งหมดประมาณ 17,000-20,000 ไร่ สำหรับทุเรียนทองผาภูมิเป็นทุเรียนปลูกในพื้นที่เทือกเขาตะนาวศรีและชายแดนไทย-เมียนมา จ.กาญจนบุรี

ซึ่งมีลักษณะภูมิศาสตร์และภูมิอากาศคล้ายกับทุเรียนในพื้นที่ป่าละอู จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยปลูกในพื้นที่ภูเขาระดับความสูง 400-700 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เก็บเกี่ยวผลผลิตในช่วงเดือน พ.ค.-ก.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่ฝนไม่ตกชุกมากนัก ทำให้ได้ผลผลิตดี เนื้อเหนียว เนียน ไม่มีเสี้ยน

แต่ถ้าเก็บเกี่ยวเกินเดือน มิ.ย.ไปเป็นช่วงที่มีฝนตกชุกทำให้คุณภาพลดลง ปี 2567 คาดการณ์ผลผลิตทุเรียนใน จ.กาญจนบุรี มีผลผลิต 40% หรือประมาณ 17,000 ไร่ โดยต้นทุเรียนที่มีอายุ 6-8 ปี สามารถให้ผลผลิต 7,000-8,000 ไร่ รวมผลผลิตกว่า 10,000 ตันต่อปี

เกษตรกรใน จ.กาญจนบุรีเริ่มหันมาปลูกทุเรียนเมื่อ 10 ปีผ่านมา ทุเรียนทองผาภูมิถือเป็นทุเรียนน้องใหม่เพิ่งได้รับความนิยม มีพื้นที่ปลูกและผลผลิตน้อย เพราะเกษตรกรยังขาดความรู้ในการปลูกให้เหมาะสมกับพื้นที่ ไม่สามารถนำวิธีการดูแลทุเรียนจาก จ.จันทบุรี มาใช้กับ จ.กาญจนบุรี ได้ เพราะสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เช่น ฝนตกเร็ว-ช้า ส่งผลให้คุณภาพทุเรียนยังไม่คงที่

ADVERTISMENT

นอกจากนี้ พื้นที่ใน จ.กาญจนบุรี ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่อนุรักษ์และพื้นที่ป่าไม้ เกรงว่าหากมีการพัฒนาหรือส่งเสริมมากเกินไปอาจไปทับซ้อน หรือบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน จึงต้องระมัดระวังหรือตรวจสอบให้มากขึ้น

Thong Pha Phum Durian

ADVERTISMENT

อนาคตจีนยังคงสนใจทุเรียนไทยเป็นอันดับแรก แต่ต้องหันมาดูโครงสร้างภายในประเทศ พื้นที่ปลูกจำกัด ราคาแพง แรงงานถูก เป็นอุปสรรคใหญ่ในการพัฒนาระดับประเทศ ที่สำคัญไทยส่งออกไปจีนประเทศเดียวถือว่าเสี่ยงมาก และไทยไม่มีพื้นที่ทางบกติดต่อกับจีน ต้องส่งออกผ่านประเทศเพื่อนบ้าน ถ้ามีปัญหาส่งออกทางบกไม่ได้ก็ลำบาก ซึ่งภาครัฐไม่ได้เข้ามาสนับสนุนเท่าที่ควร เพิ่งมีการดูแลควบคุมคุณภาพในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยกรมวิชาการเกษตร

“รัฐต้องมองให้ลึกถึงยุทธศาสตร์การค้าและความยั่งยืน รวมถึงหาตลาดการค้าใหม่ ๆ ในแถบเอเชียกลางและรัสเซียที่มีความสนใจในทุเรียนไทยด้วย” ดร.สุนทรกล่าว

แห่ปลูกเฉียด 2 หมื่นไร่

ด้าน นายศุภวัฒน์ มุรินทร์ เจ้าของสวนทุเรียนริมเขื่อนวชิราลงกรณ ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า มีสวนทุเรียนประมาณ 400 ไร่ ปลูกทุเรียนพันธุ์หมอนทองเป็นหลัก ส่วนพันธุ์อื่น ๆ ปลูกไว้เพื่อศึกษา ซึ่งผลลัพธ์พันธุ์หมอนทองเหมาะที่สุด ที่ผ่านมาเคยทดลองปลูกหลงลับแล และมูซานคิง 200-300 ต้น แต่ปริมาณการปลูกน้อย ผลผลิตต่อไร่ต่อต้นเมื่อเทียบกับหมอนทองแล้วมีความแตกต่างอย่างมาก การจัดการ การดูแลมีความยุ่งยากมากกว่า

ซึ่งปีนี้ทุเรียนราคาดีเป็นประวัติการณ์ แต่ผลผลิตในภาพรวมลดลงประมาณ 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากประสบปัญหาภัยแล้ง

บางแปลงอยู่ห่างไกลแหล่งน้ำ ทำให้ทุเรียนยืนต้นตาย สลัดใบทิ้ง แต่โชคดีที่สวนมีพื้นที่อยู่ใกล้เขื่อนประมาณ 100 ไร่ ทำให้ยังพอบริหารจัดการได้ มีการเปลี่ยนระบบน้ำ แก้ไขปัญหาใบหลุดร่วงช่วงอากาศร้อน ศึกษาการเปิด-ปิดปากใบทุเรียน ปุ๋ยที่ใช้คือสูตร 7-24-24 ใส่ช่วงก่อนผลผลิตจะออก และปุ๋ยสูตร 0-52-34 ใส่ช่วงสะสมอาหาร

สำหรับราคาขายหน้าสวนปีนี้ภาพรวมสามารถขายได้เฉลี่ย 160 บาทต่อกิโลกรัม และสูงถึง 180 บาทต่อกิโลกรัม เทียบกับปี 2566 ได้ราคาเพียง 130 บาทต่อกิโลกรัม

“พื้นที่ตรงนี้เริ่มต้นปลูกยางพาราเป็นครั้งแรก แต่เมื่อ 8-9 ปีก่อนกระแสทุเรียนกำลังมาแรง และให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า จึงแบ่งพื้นที่มาลองปลูกทุเรียน ซึ่งให้ผลผลิตที่ดีและรสชาติอร่อย เนื่องจากพื้นที่ตรงนี้มีสภาพภูมิศาสตร์และสภาพอากาศเหมาะสม หน้าฝนคล้ายกับภาคใต้ และช่วงฤดูเก็บเกี่ยวจะมีอุณหภูมิสูง ความชื้นต่ำ อากาศหนาวเย็นคล้ายกับภาคตะวันออก ทำให้ผลผลิตทุเรียนมีคุณภาพ เนื้อแห้งแตกต่างจากพื้นที่อื่น และกลิ่นไม่ฉุน

ส่วนด้านราคาทุเรียนทองผาภูมิไม่ได้สูงกว่าทุเรียนภาคอื่น ๆ และทุเรียนทองผาภูมิมีนักชิมให้ความสนใจมาก ขณะที่การปลูกยางพาราแต่ละปี หักค่าใช้จ่ายแล้วเหลือรายได้ประมาณ 1,200,000 บาทต่อปี เมื่อเทียบกับปีนี้ปลูกทุเรียนแปลงเดียวมีรายได้ถึง 19 ล้านบาท จากพื้นที่ 150 ไร่”

Thong Pha Phum Durian

ปัจจุบันในพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ คาดว่ามีสวนทุเรียนทั้งหมดประมาณ 17,000 ไร่ แบ่งเป็นเกษตรกรที่มีพื้นที่ระดับ 20 ไร่ขึ้นไปประมาณกว่า 170 แปลง รวมเป็นพื้นที่ 12,370 ไร่ และเกษตรกรที่มีพื้นที่ประมาณ 10-20 ไร่ รวมพื้นที่ประมาณ 3,000-4,000 ไร่

ทั้งนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาการปลูกทุเรียนใน จ.กาญจนบุรี ถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะต้นทุเรียนอายุ 2-3 ปี มีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 50%

นายศุภวัฒน์กล่าวว่า สวนทุเรียนของตนมีพื้นที่อยู่ริมเขื่อนวชิราลงกรณ 100 ไร่ ตั้งอยู่บริเวณหมู่บ้าน ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ ซึ่งเดิมก่อนที่จะมีการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณขึ้นมา ชาวบ้านต้องขยับหนีน้ำขึ้นมาบริเวณขอบอ่าง ซึ่งที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นที่ของกรมป่าไม้

แต่เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2541 รัฐบาลมีมติคณะรัฐมนตรีอนุญาตผ่อนผันให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ดั้งเดิม และทำกินสามารถครอบครองพื้นที่ดังกล่าวได้ ทำให้ปี 2562 ได้รับการดูแลจากรัฐบาลจัดสรรพื้นที่ตามโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) เลยอาศัยสิทธิครอบครองใช้พื้นที่ดังกล่าว

ล้งแย่งซื้อส่งออกคึกคัก

นายวีระศักดิ์ สุขทอง เกษตรจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า พื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีกำลังจะกลายเป็นแหล่งปลูกทุเรียนแห่งใหม่ของประเทศไทย มีสวนทุเรียนเนื้อที่ยืนต้น 7,611.50 ไร่ สวนทุเรียนที่ขึ้นทะเบียนเกษตรแล้ว 6,438.39 ไร่ พื้นที่ทั้งหมดกว่า 10,000 ไร่ ประมาณการผลผลิตไว้ประมาณ 5,000 ตัน สายพันธุ์ที่ปลูกมากที่สุดเป็นหมอนทอง ที่เหลือเป็นสายพันธุ์อื่น ๆ เช่น พวงมณี ก้านยาว หลินลับแล หลงลับแล โดยจะมีล้งไปรับซื้อเพื่อส่งออกไปตลาดจีนในราคากิโลกรัมละ 150-170 บาท

ขณะเดียวกัน มีล้งจากพื้นที่อื่นเข้ามาแย่งซื้อทุเรียนในพื้นที่ ส่วนล้งที่มีอยู่ในกาญจนบุรีก็ส่งออกทุเรียนไปยังประเทศจีนด้วย ล้งในกาญจนบุรีเป็นชาวสวนที่พัฒนาไปเป็นผู้ประกอบการล้งรับซื้อและมีการทำสัญญากับตัวแทนคนจีนเพื่อไปขายส่ง ตอนนี้ทุเรียนทองผาภูมิถือว่าคึกคักมากในตลาดส่งออก