สมุทรสาคร หยุดตรวจเชิงรุกพรุ่งนี้ ลุ้นกลุ่มเสี่ยงติด-ไม่ติดอีก 3 หมื่นคน

สมุทรสาคร หยุดตรวจเชิงรุกพรุ่งนี้ ลุ้นกลุ่มเสี่ยงติด-ไม่ติดอีก 3 หมื่นคน ตั้งเป้าจบเกมโควิดสิ้นก.พ.

นายแพทย์นเรศฤทธิ์ ขัดธะสีมา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า การตรวจเชิงรุกตามแผนของจังหวัดสมุทรสาครจะสิ้นสุดในวันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม 2564 หลังจากช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ได้ตรวจเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยงไปกว่า 1 แสนราย หรือเฉลี่ยวันละประมาณ 10,000 รายเป็นการค้นหาเป้าหมาย ทำให้ทราบสถานการณ์ของจังหวัดสมุทรสาครได้ชัดเจน  ดังนั้นหลังจากนี้จะตรวจในกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ และค้นหาอย่างจริงจัง

“เนื่องจากชุดตรวจราคาประมาณ 1,600 บาท สมุทรสาครมีประชากรเกือบ 1 ล้านคน ถ้าตรวจทุกวันคิดเป็นเงิน 1,600 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งคงเป็นไปไม่ได้ในการปฏิบัติจริง เพราะต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลมาก

“หลังจากได้ตรวจเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยงไปกว่า 1 แสนรายพบอัตราป่วยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มแรงงานต่างชาติที่ทำงานอยู่ตามโรงงานเป็นหลัก ส่วนประชาชนทั่วไปพบประมาณ 1-2% เท่านั้น ไม่ได้มาก

ในช่วงสัปดาห์นี้จะพบผู้ติดโควิด-19 ประมาณ 700-800 คนต่อเนื่องไปประมาณ 2-3 วัน หลังจากนั้น เนื่องจากกลุ่มเสี่ยงลดลง อาจจะเหลือหลักร้อยหรือหลักสิบคน ตามที่คาดการณ์ไว้

เฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงสูง 3 หมื่นคน

นายแพทย์นเรศฤทธิ์ กล่าวต่อไปว่า ขอย้ำว่า ไม่ได้หมายความว่า สถานการณ์ในจังหวัดสมุทรสาครจะดีขึ้น ตามหลักทฤษฎีทางการแพทย์ตอนนี้ที่ตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด 1 คน จะพบคนที่ไปสัมผัสเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง 1 ต่อ 4 คน และ 1 คนจะแพร่เชื้อต่อไปได้อีก 1-2 คน

เพราะฉะนั้นการตรวจวันนี้พบผู้ติดเชื้อ 9,728 ราย ก็แปลว่า อาจจะมีกลุ่มผู้เสี่ยงสูงอีก 30,000 คน และคนจำนวน 30,000 คนนี้อาจจะป่วยได้ประมาณ 1 ใน 3 ดังนั้น จะพบผู้ป่วยต่อไป อันนี้เป็นแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นได้ในจังหวัดสมุทรสาคร อย่างไรก็ตามคนไทยที่ติดเชื้อโควิด-19 ไม่ได้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ตั้งเป้าหมายจบเกมโควิดสิ้นก.พ.

สำหรับผู้ติดเชื้อ 1 คนในจังหวัดสมุทรสาครพบมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงประมาณ 3 คน โดยผู้สัมผัสเสี่ยงสูงต้องสังเกตอาการตัวเองอีก 14 วัน ซึ่งกลุ่มนี้สำคัญมาก เพราะยังไม่รู้ว่าจะติดเชื้อหรือไม่ติดเชื้อ แต่มีโอกาสติดเชื้อสูง ซึ่งทางแพทย์ต้องไปตรวจเชื้ออีกครั้งหลังจากกักตัวไปแล้ว 5 วัน เนื่องจากระยะฟักตัวของโรคโควิดประมาณ 3-7 วัน

ดังนั้นหากใครที่รู้ว่าตัวเองมีความเสี่ยงสูงว่าจะติดเชื้อโควิด และมาเข้ารับการตรวจแล้วยังไม่พบเชื้อโควิดในร่างกาย กลุ่มนี้ต้องไปแยกกักตัวเองเฝ้าระวังอยู่คนเดียว ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล หลังผ่านไป 5 วัน กลุ่มนี้ต้องมาพบแพทย์ตรวจอีกครั้ง

ส่วนผู้ติดเชื้อต้องแยกไปสังเกตอาการรักษาที่โรงพยาบาลสนาม การติดเชื้อจะหายป่วยภายใน 10 วัน ระยะเวลาภายใน 1 เดือนจะจบ

ขอเน้นย้ำว่า แม้การติดเชื้อโควิด-19 จะระบาดในกลุ่มแรงงานต่างชาติในโรงงาน แต่การเคลื่อนที่ของแรงงานยังคงมีอยู่ เพราะฉะนั้นทุกคนต้องยังต้องเฝ้าระวังตัวเอง สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยทุกครั้ง รักษาระยะห่าง อย่าไปอยู่ในที่ชุมชนแออัด หรือจุดเสี่ยงที่จะรับเชื้อมาได้ หากทุกคนช่วยกันทำเช่นนี้ได้ก็ไม่ต้องกังวล แต่หากการติดเชื้อยังพบแนวโน้มสูงขึ้น แสดงว่า การดูแลตัวเองของประชาชนยังไม่เพียงพอ

“เราไม่รู้ว่าใครติดเชื้อ หรือใครเสี่ยง ดังนั้นเราต้องทำตัวเหมือนว่า ทุกคนอยู่ในที่เสี่ยงทุกที่ เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและคนในครอบครัวเราเอง การไม่ไปพื้นที่เสี่ยง และไปรับเชื้อมาสู่ครอบครัว ยังต้องช่วยกัน โดยเฉพาะกลุ่มที่ป่วยและเสียชีวิตสูงคือ ผู้สูงอายุ หรือมีโรคประจำตัว เป็นสิ่งที่ต้องช่วยกันดูแล”

มหาชัยนำร่องวัคซีนล็อตแรกกลางก.พ.

ความก้าวหน้าเรื่องวัคซีนโควิด-19 ตามแผนที่รัฐบาลวางไว้ล็อตแรกวัคซีนของบริษัท แอสตร้าเซนเนก้าจะมาประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2564 โดยการใช้จะแบ่งเป็น 3 ระยะ โดยระยะแรกวัคซีนทำในภาวะฉุกเฉินเป็นการผลิตอย่างรวดเร็ว ปริมาณวัคซีนจะไม่สามารถผลิตได้ตามปริมาณที่ต้องการ เป็นข้อจำกัด  จึงต้องให้ในกลุ่มเสี่ยงเพื่อลดการเสียชีวิตลงไป

ซึ่งจังหวัดสมุทรสาครน่าจะเป็นจังหวัดกลุ่มแรก ๆ ของประเทศไทยที่จะได้รับวัคซีน เพราะพบผู้ติดเชื้อมาก โดยกลุ่มแรกที่จะได้รับวัคซีน ได้แก่ 1.บุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุข ซึ่งเป็นด้านหน้าที่จะต้องไปตรวจเชิงรุก ดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก

2.กลุ่มประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับก่อน เช่น ผู้สูงอายุ หรือมีโรคประจำตัวต่างๆ เช่น ไตวายเรื้อรัง หลอดเลือดสมอง มะเร็ง เบาหวาน คนอ้วน

3.เจ้าหน้าที่ส่วนอื่น ๆ ที่ทำงานกับประชาชนในพื้นที่ เช่น ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองต่างๆ ในการดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่

หลังจากนั้นเมื่อมีปริมาณวัคซีนเพิ่มขึ้นจะฉีดเพิ่มเติมกับกลุ่มเสี่ยงอื่น รวมถึงถ้ามีปริมาณวัคซีนมากพอจะฉีดให้ประชาชนทั่วไป เพื่อให้สามารถป้องกันโรคได้

พรุ่งนี้ประชุมมาตรการผ่อนคลาย

สำหรับเรื่องการผ่อนคลายมาตรการควบคุมพื้นที่ต่าง ๆ ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 มกราคม 2564 พรุ่งนี้(31ม.ค.64)จะมีการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสมุทรสาครในการกำหนดมาตรการเพื่อผ่อนคลาย และบังคับใช้ตามมาตรการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ตามแนวทางของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 อาจจะมีหลักๆ เรื่องสถานที่สุ่มเสี่ยงยังต้องปิดอยู่ต่อไป เพราะสมุทรสาครยังเป็นจังหวัดที่มีเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดอยู่

แม้ว่าในจังหวัดสมุทรสาครมีการตรวจเชิงรุก และแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 สี คือ อ.บ้านแพ้ว ยังไม่พบการระบาด ส่วนอ.กระทุ่มแบน เป็นพื้นที่ที่มีการระบาดเบาบางและต้องเฝ้าระวัง สำหรับบางตำบลในอ.เมือง พบเป็นพื้นที่ที่มีการระบาด เพราะฉะนั้นพื้นที่ที่ต้องปิดและเข้มงวดต้องปิดต่อไป เช่น สถานประกอบการคล้ายผับ บาร์ คาราโอเกะ สนามชนไก่ สนามชนวัว กิจกรรม อาบน้ำ สปา นวด สนามเด็กเล่น งดการจัดกิจกรรม งานเลี้ยงต่อไป

ส่วนกิจกรรมที่จะเปิดให้ประชาชนดำเนินการได้ตามปกติ แต่ต้องมีมาตรการเข้มงวดในการป้องกันตนเอง ใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ลงทะเบียนแอพหมอชนะ เช่น ตลาดนัด และร้านอาหารเปิดให้ทานอาหารได้ถึง 21.00น. รวมถึงศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า และศูนย์เด็กเล็ก และดูแลผู้สูงอายุ ยังเปิดได้ แต่ทั้งหมดต้องรอความชัดเจนจากศบค.ก่อน ซึ่งจะประกาศวันจันทร์ที่ 1ก.พ.64

ส่วนตลาดกลางกุ้งสมุทรสาครยังปิดดำเนินการ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ แต่ในวันที่ 1ก.พ.จะเปิดให้ผู้ประกอบการเข้าไปจัดระเบียบก่อน เพื่อเตรียมให้เปิดดำเนินการในอนาคต