คาราบาวกรุ๊ป ประกาศเปิดตัว “ตะวันแดง IPA” แล้ววันนี้

คาราบาวกรุ๊ป ประกาศเปิดตัว “ตะวันแดง IPA” เตรียมกระจายสินค้าผ่านโมเดิร์นเทรด-เทรดิชั่นนอลเทรดภายในเดือนมีนาคม แย้มปี 2567 เตรียมทุ่มงบฯการตลาดครั้งยิ่งใหญ่ในรอบ 20 ปี ตั้งเป้ามีมาร์เก็ตแชร์ 30% ในปีแรก พร้อมหวังขึ้นเป็นผู้เล่นหลัก 1 ใน 3 ของตลาดเบียร์

วันที่ 18 มีนาคม 2567 นายเสถียร เสถียรธรรมะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “กลุ่มคาราบาว” เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อปลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัวเบียร์ 2 แบรนด์คือ คาราบาว ได้แก่ เบียร์ลาเกอร์ และ เบียร์ดุงเกล และตะวันแดง ได้แก่ เบียร์ไวเซ่น และเบียร์โรเซ่ และได้รับผลตอบรับที่ดี

เปิดตัว “ตะวันแดง IPA”

ล่าสุดได้ประกาศเปิดตัว “ตะวันแดง IPA” เบียร์ตัวที่ 5 อย่างเป็นทางการ โดยถือเป็นการเปิดตัวเบียร์ไอพีเอ สไตล์แปซิฟิกครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งจะเป็น IPA สไตล์ใหม่ เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับคอเบียร์

“ตัวตะวันแดง IPA จะมีปริมาณแอลกอฮอล์ 5.5% ซึ่งจะมีจำหน่ายทั้งแบบกระป๋องเล็ก 45 บาท และกระป๋องใหญ่ 60 บาท”

เดินหน้าปูพรมช่องทางจำหน่าย

สำหรับช่องทางการจำหน่ายเบียร์ตะวันแดง IPA จะปูพรมจำหน่ายในร้านค้าในเครือข่ายของกลุ่มคาราบาว ได้แก่ CJ MORE ที่มีมากกว่า 1,000 สาขาทั่วประเทศ, ร้านถูกดี มีมาตรฐาน ที่มีร้านค้าอยู่ทั่วประเทศ และหน่วยรถในศูนย์กระจายสินค้าทั้ง 30 แห่ง ที่สามารถเข้าถึงร้านค้าปลีกทั่วประเทศ

รวมถึงช่องทางของโมเดิร์นเทรด อาทิ Lotus’s, GO Wholesale, กูร์เมต์ มาร์เก็ต, ท็อปส์, Lawson108, Foodland และ วิลล่า มาร์เก็ต รวมถึงผ่านช่องทาง On-premise ร้านอาหาร ผับบาร์ต่าง ๆ ภายในเดือนมีนาคม 2567

ส่วนในช่องทางเทรดิชั่นนอลเทรด พร้อมเดินหน้ากระจายสินค้าตรงสู่ตัวแทนจำหน่ายประจำพื้นที่ระดับอำเภอ ในทุกอำเภอทั่วประเทศ เพื่อทำให้สินค้าสามารถเจาะเข้าถึงร้านค้าย่อยหรือโชห่วยทั่วประเทศได้รวดเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าได้มากขึ้นเช่นเดียวกัน

ทุ่ม 4 พันล้าน สร้างโรงงาน

ทั้งนี้ ปัจจุบันตลาดเบียร์มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 2.6 แสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ใหญ่ที่สุด โดยกลุ่มคาราบาวได้ทุ่มงบฯลงทุนถึง 4,000 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตเบียร์ที่จังหวัดชัยนาท ด้วยเทคโนโลยีการผลิตมาตรฐานโลกจากเครื่องจักรที่นำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด

โดยจะมีกำลังการผลิตประมาณ 400 ล้านลิตร ซึ่งช่วงแรกมีแผนจะนำร่องการผลิตที่ 200 ล้านลิตร ถือว่าเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุด นับจากการลงทุนโรงสุราตะวันแดง 1999

รวมถึงทุ่มงบฯการตลาดครั้งยิ่งใหญ่ในรอบ 20 ปี โดยทั้ง 2 แบรนด์ลงเล่นในเซ็กเมนต์อีโคโนมี และสแตนดาร์ด ซึ่งเป็นสัดส่วนใหญ่ของตลาดเบียร์ถึง 95% เพื่อสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคครอบคลุมในทุกกลุ่ม โดยตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด 30% ในปีแรก และขึ้นเป็นผู้เล่นหลัก 1 ใน 3 ของตลาดเบียร์