
เดอะมอลล์โฉมใหม่ ผนึกแน่น “ออนไลน์และออฟไลน์” รับไลฟ์สไตล์จับจ่ายเปลี่ยน นำเทคโนโลยีทันสมัย บิ๊กดาต้า, AI, chat bot บัตร SCB M สร้างแคมเปญแบบเรียลไทม์เฉพาะบุคคล ซุ่มเตรียมบิ๊กโปรเจ็กต์ เปิดทีม “ซักเซสเซอร์แพลน” ผู้บริหารรุ่นใหม่ ด้านซีอีโอเอสซีบียันบัตร SCB M แค่เริ่มต้น เดินหน้าขยายความร่วมมือต่อเนื่อง
ปรากฏการณ์การจับมือเป็นพาร์ตเนอร์ที่เหนียวแน่นรอบใหม่ของกลุ่มเดอะมอลล์และไทยพาณิชย์ นอกจากจะเขย่ารูปแบบค้าปลีกที่เป็นมากกว่า “โคแบรนด์” การ์ด ถือเป็นย่างก้าวครั้งสำคัญของ “เดอะมอลล์ กรุ๊ป” นำเทคโนโลยีทันสมัย บิ๊กดาต้า, AI, chat bot มาเป็นเครื่องมือในการทำตลาด
ปัจจุบัน “เดอะมอลล์ กรุ๊ป” มีลูกค้าหมุนเวียนทุกสาขารวม 400 ล้านคนต่อปี โดย 70% ของยอดขายมาจากสมาชิก M card ที่มีฐานสมาชิก 4 ล้านคน และลูกค้ากว่า 55% ของเดอะมอลล์จ่ายเงินผ่าน electronic payment อาทิ บัตรเครดิต บัตรเดบิต QR และแนวโน้มกลุ่มนี้จะเพิ่มสัดส่วนมากขึ้นเรื่อย ๆ ควบคู่กับแผนการลงทุนของกลุ่มเดอะมอลล์ที่เตรียมเรียกสร้างเสียงว้าววในอีกหลายโครงการ เช่นเดียวกับการซุ่มเตรียมขุนพลคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาเป็นทีม “ซักเซสเซอร์แพลน” สร้างการเติบโต
SCB M ตอบทุกโจทย์การช็อป
นางสาวศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ฉายภาพกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ความร่วมมือของธนาคารไทยพาณิชย์ และเดอะมอลล์ กรุ๊ป รอบใหม่นี้ว่า เป็นภาคต่อจากความร่วมมือครั้งล่าสุดเมื่อปลายปีที่ผ่านมา เพื่อร่วมกันสร้าง the first cashless retail experience ในธุรกิจค้าปลีกตอบสนองไลฟ์สไตล์ในยุคดิจิทัลของผู้บริโภค
โดยครั้งนี้เป็นการพลิกประสบการณ์ช็อปปิ้งแบบไร้รอยต่อผ่านการนำดิจิทัลเทคโนโลยีมาเชื่อมต่อโลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ และทุกรูปแบบการใช้ชีวิตของลูกค้า ภายใต้แนวคิด “eMperience” ตอบโจทย์ทางการเงินทุกกลุ่มลูกค้าไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิตสำหรับกลุ่มคนทำงาน, บัตรเดบิตสำหรับวัยรุ่น และบัตรพรีเพดสำหรับนักเรียน นักศึกษา รวมถึงรองรับตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มจำนวนขึ้นสูงมาก บริการแบ่งชำระ 0% ทุกชิ้นทั้งห้างตลอดปี, ประกันบุคคลร่วมกับการขายสินค้าและผ่อนชำระซื้อสินค้าได้นานสูงสุด 48 เดือน, จูงใจให้ลูกค้าใช้เวลาต่อเนื่องในศูนย์การค้าด้วย chat bot, บริการสินเชื่อบุคคล (personal loan) ซึ่งจะเป็นบรรทัดฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมค้าปลีกไทย
“สิ่งที่เราทำไม่ใช่ CRM ที่ล้าสมัยไปแล้ว แต่เทคโนโลยีที่เดอะมอลล์ให้ความสำคัญและใส่เงินลงทุนลงไป ไม่ว่าจะเป็นบิ๊กดาต้า, AI, chat bot และมีบัตร SCB M เข้ามามีบทบาทสำคัญ จะตอบโจทย์แนวทางการทำตลาดยุคใหม่ อาทิ ลูกค้าคนนี้จะแวะมาเยี่ยมร้านเดิมซ้ำ ๆ ทำให้ AI สร้างแคมเปญลูกค้ารายนี้เป็นการเฉพาะ หรือการใช้ chat bot มาเป็นตัวช่วยในการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์”
โฉมใหม่ “ดิจิทัลแพลตฟอร์ม”
นายอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า คนทั่วไปอาจมองว่าเราทำร่วมกันแค่โคแบรนด์การ์ด แต่ความจริงมันมากกว่านั้น มีความพิเศษสำหรับลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ให้สิทธ์ประโยชน์ที่มากกว่าและมากขึ้น สอดคล้องกับเทรนด์ของลูกค้าในปัจจุบันเปลี่ยนไปทั้งในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ การร่วมมือกันมาจากวิชั่นเดียวกัน เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ เพื่อธุรกิจและการเติบโตในอนาคต การสร้างดิจิทัลแพลตฟอร์มที่เข้ามาเปลี่ยนและเข้ามาเซอร์ไพรส์ตลาด การไดรฟ์ลูกค้าของทั้ง 2 ธุรกิจในทุกแพลตฟอร์ม ซึ่งเรามีการกำหนดภาพที่ชัดเจน ในสิ่งที่เราจะทำต่อจากนี้ สร้างคอนซูเมอร์เอ็กซ์พีเรียนซ์แบบใหม่ มากกว่าการเป็นโคแบรนด์ เป็นมากกว่าการบริการทางการเงินแบบเดิมในอดีต
“เมื่อก่อนการบอกลูกค้าเปลี่ยนไปดิจิทัลยากมาก แต่ตอนนี้การลงทุนในเทคโนโลยีและระบบซีเคียวริตี้ ทำให้ลูกค้าเข้าใจได้ง่ายขึ้น และสามารถไดรฟ์ลูกค้าได้มากขึ้น เรามองทุกเรื่อง ทั้งแคมเปญ แชตบอต เพื่อเอดูเคตลูกค้า เอาความสามารถของเทคโนโลยีในการเข้าถึงลูกค้า เพื่อนำเสนอสินค้าต่อลูกค้าได้ถูกที่ ถูกเวลา ลูกค้าไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียด และที่สำคัญ ช่วยให้ธุรกิจสามารถลดต้นทุน”
โดยทั้ง 2 ค่ายต้องทำงานร่วมกัน ในทุก ๆ ขั้นตอน และจะได้เห็นสิ่งใหม่ ๆ ทยอยเข้ามาต่อเนื่อง เช่นเดียวกับพฤติกรรมลูกค้าปัจจุบันที่วิ่งเข้าหาเทคโนโลยี เห็นได้จากฐานลูกค้า 3 ล้าน ขยับไปถึง 10 ล้าน ในเวลาไม่กี่ปีที่เข้าใช้ธุรกรรมทางการเงินผ่านออนไลน์ และหลังจากนี้ความร่วมมือของ 2 ค่ายจะมีอีกหลาย ๆ ว้าววว ออกมาสร้างสีสัน
ปีแรกทะลุ 5 แสนใบ
ทั้งนี้ SCB M จะตอบทุกโจทย์ความต้องการนักช็อปครอบคลุมทั้งบัตรเครดิต บัตรเดบิต บัตรพรีเพด และกิฟต์การ์ด การชำระเงินในรูปแบบ virtual credit card โดยการสแกนคิวอาร์โค้ดผ่าน
แอปพลิเคชั่น SCB EASY บนมือถือ รวมถึง banking agent services บริการทางการเงินแบบครบวงจร รวมถึงการเติมเทคโนโลยีที่ช่วยให้การช็อปปิ้งสะดวก โดยตั้งเป้ายอดสมัครบัตรเครดิต และบัตรเดบิต SCB M ที่ 500,000 ใบ และคาดการณ์มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรมากกว่า 20,000 ล้านบาทในปีแรก
ซุ่มเตรียมบิ๊กโปรเจ็กต์
แม่ทัพเดอะมอลล์กรุ๊ประบุว่า ที่ผ่านมาภายนอกจะมองว่าเดอะมอลล์ค่อนข้างเงียบ ไม่มีความเคลื่อนไหวหรือลงทุนอะไรใหม่ ๆ แต่ความจริงแล้วไม่ได้เงียบหรอก ใช้เวลาอยู่กับกระบวนการเตรียมหลังบ้าน เพื่อทำการใหญ่ในหลาย ๆ อย่าง หลาย ๆ โปรเจ็กต์ เพราะงานชิ้นใหญ่ใช้เวลาเยอะ
“การแข่งขันในปัจจุบันเราต้องคิดแบบ “ลองเทอม” ไปเลย คิดอย่างไร ทำอย่างไรเพื่อชนะ ค้าปลีกและศูนย์การค้าสมัยนี้ไม่ง่าย ทำอย่างไรเพื่อเป็นฟีโนเมนอล และระดับโลก ทุกวันนี้ไม่ง่าย ทำอย่างไรจะเอาต์สแตนดิ้ง”
เปิดทีม “ซักเซสเซอร์แพลน”
หัวเรือใหญ่เดอะมอลล์กรุ๊ปขยายความว่า หลังจากนี้จะได้เห็นความเคลื่อนไหวของเดอะมอลล์กรุ๊ปที่มากขึ้น ถี่ขึ้น เสร็จจากงานที่สร้างปรากฏการณ์ความร่วมมือกับเอสซีบี ปลายเดือนสิงหาคมเตรียมเปิดตัวทีมงาน “ซักเซสเซอร์แพลน” คนรุ่นใหม่ที่มาจากหลากหลายธุรกิจที่จะเข้ามาเป็นทีมเดอะมอลล์กรุ๊ป หลังจากช่วงเดือนก่อนเพิ่งจัดงานเกษียณให้กับทีมบุกเบิกที่อยู่ร่วมกันมายาวนาน 20-30 ปี ซึ่งบางส่วนยังอยู่ช่วยกันต่อ เป็นที่ปรึกษาและร่วมกันสร้างทีมงานใหม่
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นก็จะได้เห็นโปรเจ็กต์ใหม่ ๆ ที่เราเตรียมไว้และจะทยอยออกมา ปล่อยมาทีละระลอก ๆ เข้ามาสร้างสีสันและลงทุนต่อเนื่อง
“สไตล์การทำงานอาจปรับไปบ้าง แม้ว่าคุณแอ๊วจะยังเป็น “คอนดักเตอร์” สั่งการเหมือนเดิม แต่คงดูได้ในแนวกว้าง จะลงลึกทุกจุดเหมือนเดิมไม่ไหวแล้ว ซึ่งพลังการทำงานที่เข้ามาเติมจะเป็นทีมงานต่าง ๆ ที่เข้ามาช่วยกัน”