63 ปี เครื่องเขียน “สมใจ” จากร้านในตำนาน…สู่ยุคดิจิทัล

เมื่อเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนแปลง ผู้ประกอบการต้องรีบสปีดตามความต้องการของผู้บริโภค ไม่เช่นนั้นคงไม่ทันต่อเทรนด์กระแสโลกในปัจจุบัน “สมใจ” ร้านจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องเขียน ที่ดำเนินกิจการมากว่า 63 ปี จากแบรนด์ดั้งเดิมได้เริ่มเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ความเป็นดิจิทัล เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่มากขึ้น

“นพนารี พัวรัตนอรุณกร” กรรมการบริหาร บริษัท สมใจค้าหนังสือเครื่องเขียน จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดเครื่องเขียนในประเทศ มีมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในสภาวะชะลอตัว

เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ลดน้อยลง ไม่เพียงแต่ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจเพียงเท่านั้น ขณะเดียวกันก็ทำให้การแข่งขันมีความรุนแรงมากขึ้น เพราะมีผู้ประกอบหน้าใหม่เริ่มเข้ามาทำธุรกิจเครื่องเขียนและมีสินค้าหลากหลายมากขึ้น

“เราต้องหาจุดยืนของแบรนด์ให้มีความชัดเจน สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งที่มีสเกลใหญ่กว่า เช่น การสร้างคอมมิวนิตี้ของกลุ่มลูกค้า เลือกช่องทางการสื่อสารให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่”

อย่างไรก็ตาม ในครึ่งปีหลังนี้คาดว่าภาพรวมของธุรกิจจะเริ่มดีขึ้น เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคนักเรียน นักศึกษา เริ่มเปิดภาคเรียนใหม่ ทำให้มีกลุ่มนักเรียน นักศึกษาที่สนใจงานศิลปะมีเพิ่มมากขึ้น

“นพนารี” กล่าวต่อว่า จุดเริ่มของร้านอุปกรณ์เครื่องเขียนเริ่มมาจากรุ่นบุกเบิก คุณตา คุณยาย ซึ่งอยากทำธุรกิจ เนื่องจากบ้านมีทำเลอยู่หน้าโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จึงเลือกทำธุรกิจร้านอุปกรณ์เครื่องเขียน โดยมีลูกค้าประจำเป็นนักเรียนและนักศึกษา

เมื่อเข้าสู่รุ่นที่ 2 ได้เริ่มขยายธุรกิจรอบทิศ ทั้งหมด 5 สาขา อาทิ อาคารวรรณสรณ์, จามจุรีสแควร์, เซ็นทรัล พระราม 9 หัวหินและเชียงใหม่ โดยนำระบบไอทีเข้ามาช่วยให้การบริหารจัดการและการเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากทายาทรุ่น 3 ได้เข้ามาดูแลธุรกิจ

บริษัทได้ปรับเปลี่ยนระบบการบริหารจัดการร้านใหม่ โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยจำหน่ายผ่านระบบอีคอมเมิร์ซ (e-Commerce) รวมทั้งขยายฐานลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์ อาทิ เว็บไซต์ เฟซบุ๊ก ไลน์ อินสตาแกรมและได้แบ่งแยกสินค้าจำหน่ายออกเป็น 6 หมวดหมู่ อาทิ เครื่องเขียน อุปกรณ์สำนักงาน กระดาษ งาน DIY และงานโมเดล เป็นต้น โดยมีสินค้ามากกว่า 60,000 รายการ ซึ่งในส่วนของการออกแบบจะเน้นความเรียบง่ายสไตล์มินิมอล โทนสีเขียวและสีขาว เพื่อให้สอดคล้องกับโลโก้แบรนด์และง่ายแก่การจดจำแบรนด์

อีกทั้งยังต้องปรับราคาสินค้าให้มีมาตรฐานเดียวกันทุกสาขา รวมทั้งการปรับธุรกิจเก่าให้ทันสมัย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการทำตลาดออนไลน์หรือออฟไลน์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภค ผู้ประกอบการต้องค้นหาสิ่งใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ในระยะยาว

เช่นเดียวกับ โปรเจ็กต์สมใจ x BNK48 ที่เกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือของผู้บริหารทั้ง 2 แบรนด์ ร่วมกันผลิตอุปกรณ์เครื่องเขียน อาทิ ปากกา ดินสอ สมุด ยางลบ ไม้บรรทัด เป็นต้น เพื่อตอบรับผู้บริโภคกลุ่มวัยรุ่น และสร้างมูลค่าให้กับสินค้าประเภทเครื่องเขียน ให้กลายเป็นของสะสมที่มีราคา ซึ่งถือว่าได้รับความนิยมจากผู้บริโภคจำนวนมาก

นอกจากนี้ ร้านสมใจ อุปกรณ์เครื่องเขียน มีความแตกต่างจากร้านอื่น ๆ เช่น 1.ราคาที่ไม่สูงมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ร้านกำหนดมาตั้งแต่รุ่นแรก อยากให้มีประโยชน์ต่อกลุ่มนักเรียน จึงไม่ได้เน้นกำไรสินค้ามากนัก 2.ด้านการบริการ ทางร้านได้อบรมพนักงานทุกคนให้มีเซอร์วิสไมนด์ (service mind) เพื่อให้ลูกค้าประทับใจในการบริการที่มีมาตรฐานเดียวกันในทุกสาขา

อย่างไรก็ตาม หลังจากเปิดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ สามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 5% สร้างรายได้โต 20%

ปัจจุบัน “ร้านสมใจ” มีสาขาในประเทศรวมทั้งหมด 15 สาขา แบ่งเป็นร้านในกรุงเทพฯและปริมณฑล ได้แก่ พาหุรัด, ดิโอลด์สยาม, อาคารวรรณสรณ์ พญาไท, จามจุรีสแควร์, สยามสแควร์, เซ็นทรัล พระราม 9 และสีลมคอมเพล็กซ์ และสาขาในต่างจังหวัด ได้แก่ หัวหิน มาร์เก็ตวิลเลจ ประจวบคีรีขันธ์, ศูนย์การค้าเมญ่า เชียงใหม่, เทอร์มินอล 21 นครราชสีมา และเสริมไทยคอมเพล็กซ์ มหาสารคาม

“ท่ามกลางกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พฤติกรรมผู้บริโภคก็เปลี่ยนตามไปด้วย ผู้บริโภคเริ่มจับจ่ายซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น เชื่อว่าผู้ประกอบการทั้งหลาย ต้องสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ เพื่อรองรับกระแสโลกที่เปลี่ยนไป”

ร้าน “สมใจ” ได้พยายามเปลี่ยนแปลงมาตลอด และเชื่อมั่นว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จะทำให้ธุรกิจเติบโตต่อไปได้