ศึกหนักแฟชั่น-เครื่องสำอาง “แปซิฟิกา” อิมพอร์ต 2 แบรนด์ลุยโค้งท้าย

“แปซิฟิกา” คว้าสิทธิ์นำเข้า 2 แบรนด์ใหม่ “เจอร์ลีค-ฟูร์ล่า” เติมเสน่ห์ทัพแฟชั่น/เครื่องสำอาง คลุมกำลังซื้อทุกระดับ บาลานซ์เสี่ยงธุรกิจ ผนึกดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง-CRM มัดใจคนรุ่นใหม่ ลูกค้าลอยัลตี้ ก่อนเล็งเปิดตัวอีคอมเมิร์ซเสริมทัพหน้าร้าน พัฒนาแบรนด์ตัวเองปลุกตลาด ก่อนมั่นใจปีนี้ยอดขายยังเติบโต

นางสาวโศภนา เลวิจันทร์ กรรมการกลุ่มบริษัท แปซิฟิกา จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์โค้ช, แคมเปอร์, เคนเนท โคล, อเมริกัน อีเกิล ฯลฯ กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในปีนี้บริษัทได้สิทธิ์นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าเพิ่ม 2 แบรนด์ อาทิ เครื่องสำอางเจอร์ลีค (Jurlique) จากออสเตรเลีย และกระเป๋า ฟูร์ล่า (Furla) จากอิตาลี ซึ่งจะเข้ามาเสริมกับแบรนด์พอร์ตโฟลิโอที่มีอยู่เดิม 14 แบรนด์ ให้มีความหลากหลายมากขึ้น ครอบคลุมความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้า เพื่อรับกับโอกาสที่ตลาดเครื่องสำอาง และแฟชั่น ที่ยังคงเปิดกว้างและมีศักยภาพในการเติบโต เนื่องจากทั้งคู่เป็นแบรนด์ที่คนไทยรู้จักกันดีอยู่แล้ว และมีความโดดเด่นในเรื่องคุณภาพของสินค้า โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการ (operate) ได้ในช่วงปลายปี

สำหรับโครงสร้างของกลุ่มแปซิฟิกาในปัจจุบัน แบ่งเป็นแบรนด์แฟชั่นระดับแมส อาทิ อเมริกัน อีเกิล, เคดส์ ฯลฯ ระดับพรีเมี่ยม อาทิ แม็กซ์ แอนด์ โค, เคนเนท โคล ฯลฯ และระดับลักเซอรี่ อาทิ โค้ช, ค็อกซิแนลล์, แม็กซ์ มาร่า เป็นต้น รวมถึงแบรนด์เครื่องสำอางระดับแมส เช่น นิกซ์ และโมเดลร้านมัลติแบรนด์ที่รวมสินค้าในเครือเอาไว้อย่าง “ไอคอน” อีก 1 แบรนด์

“ต้องยอมรับว่าทุกแบรนด์จะมีไซเคิลของมัน การกระจายไปหลาย ๆ เซ็กเมนต์จะช่วยให้เราบาลานซ์ความเสี่ยงตรงนี้ได้ดียิ่งขึ้น ตลาดภาพรวมโดยเฉพาะกลุ่มลักเซอรี่ยังเติบโตดี มีแรงซื้อจากลูกค้าระดับบน และแรงซื้อจากนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะคนจีน”

ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์ และทำตลาดของแต่ละบริษัท ซึ่งแปซิฟิกามองตั้งแต่การคัดเลือกแบรนด์ที่มีศักยภาพ การตั้งราคาที่แข่งขันได้กับประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะต่างกันไม่เกิน 5-10% การให้ความสำคัญกับดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง เพื่อสื่อสารกับกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่อย่างตรงจุด เช่น ล่าสุดการจับมือกับนิตยสารสุขภาพผู้ชาย ทำเรียลิตี้ออนไลน์ “Men”s Fitness Cool Guy Search 2017 by AMERICAN EAGLE OUTFITTERS” รวมถึงการทำซีอาร์เอ็ม รักษาฐานลูกค้าที่มีลอยัลตี้ เช่น โปรแกรมบัตร V.I.P. ของแบรนด์โค้ช

นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างศึกษาและพัฒนาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เพื่อตอบโจทย์การใช้จ่ายของคนในปัจจุบัน ที่ต้องการความสะดวกสบาย และรวดเร็ว ตลอดจนการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ที่สาขาหน้าร้านยังไม่ได้เข้าไปเปิดในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศได้มากขึ้น คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในสิ้นปีนี้-ต้นปีหน้า

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ได้นำร่องให้มีการซื้อขายผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ ออฟฟิศเชียลของแบรนด์เคดส์แล้ว ส่วนแบรนด์อื่น ๆ จะพิจารณาว่ารูปแบบใดจึงจะเหมาะสมกับโพซิชันนิ่งและไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากที่สุด ส่วนการขยายสาขาออฟไลน์ยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายให้ครอบคลุมพื้นที่ในกรุงเทพฯ รอบนอกกรุงเทพฯ ปริมณฑล จังหวัดท่องเที่ยว และหัวเมืองใหญ่ให้ครบ

นางสาวโศภนายังระบุต่อไปอีกว่า เป้าหมายในช่วง 3-5 ปี ต้องการพัฒนาแบรนด์ของตัวเองขึ้นมา 1 แบรนด์ เบื้องต้นต้องการเข้าไปขยายฐานในกลุ่มเครื่องสำอาง ซึ่งมีช่องว่างในการเติบโตอีกมาก ส่วนแบรนด์ใหม่ที่จะนำเข้ามาเพิ่มเติมก็ยังอยู่ระหว่างพิจารณา และโอกาสที่เหมาะสม

สำหรับภาพรวมของบริษัทในปีนี้ แม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมและกำลังซื้อจะเบาบางลงไปบ้าง แต่บริษัทยังคงรักษาการเติบโตได้ในระดับที่พอใจ โดยแบรนด์ที่มีอัตราการเติบโตสูง ได้แก่ อเมริกัน อีเกิล เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีราคาเข้าถึงง่าย มีสินค้าตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวัน อาทิ ชุดลำลอง แอ็กทีฟแวร์ แอ็กเซสซอรี่ ฯลฯ ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย นอกจากนี้ ยังมีแบรนด์เคดส์ ซึ่งเป็นรองเท้าผ้าใบแฟชั่น ลำลอง และเครื่องสำอางนิกซ์ที่ได้รับความนิยมสูงเช่นกัน