สธ.ผ่ายุทธการขนมครก นำร่องคุมโควิดสมุทรปราการ

โควิด

สธ.หวังสกัดโควิด จ.สมุทรปราการ พุ่งไม่หยุด ผุดไอเดียยุทธศาสตร์ขนมครก คุมโรคจุดเล็กในทุกพื้นที่ ก่อนกระจายจนคุมพื้นที่ใหญ่ ชูสุ่มตรวจ-ฉีดวัคซีนในพื้นที่เสี่ยง ลั่นวิธีการนี้ประสบความสำเร็จแล้วในพื้นที่ กทม. เขตบางแค-คลองเตย

วันที่ 23 มิถุนายน 2564 นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมา ตนพร้อมด้วยนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้ประชุมหารือร่วมกับนายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายแพทย์พรณรงค์ ศรีม่วง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลในจังหวัดสมุทรปราการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงแนวทางการควบคุมโควิดในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ

หลังจาก จ.สมุทรปราการ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้น จากวันละ 100 ราย เป็นวันละกว่า 300-500 ราย โดยมีการติดเชื้อทุกอำเภอ กระจายเล็ก ๆ มากกว่า 41 คลัสเตอร์ ทั้งในโรงงานอุตสาหกรรม ตลาด ชุมชน คอนโดมิเนียม และแคมป์คนงานก่อสร้าง

นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต

ดังนั้น สธ.จึงเห็นชอบใช้ยุทธศาสตร์ “ขนมครก” สุ่มตรวจพื้นที่ต่าง ๆ ในชุมชนที่มีการติดเชื้อ เมื่อพบผู้ติดเชื้อนำเข้าสู่การรักษา และใช้วัคซีนฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่นั้น โดยกำหนดจำนวนให้เหมาะสมเพื่อควบคุมโรคในพื้นที่ ซึ่งการดำเนินการเช่นนี้ประสบความสำเร็จมาแล้วในพื้นที่เขตบางแค และคลองเตย กทม.

“เมื่อดำเนินการควบคุมโรคแบบขนมครกเป็นจุดเล็ก ๆ ในทุกพื้นที่ และกระจายมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็จะควบคุมโรคเป็นพื้นที่ใหญ่ได้ โดยจะนำร่องในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ซึ่งได้ขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้นำในการควบคุมโรค เนื่องจากการควบคุมโรคจะสำเร็จได้ ต้องอาศัยมาตรการทางสังคม ความมั่นคง และทางปกครองเข้ามาร่วมด้วย ไม่ใช่ด้านสาธารณสุขเพียงอย่างเดียว”

สำหรับการควบคุมโรคในโรงงาน นิคมอุตสาหกรรม ใช้มาตรการ Bubble and Seal ในโรงงานขนาดใหญ่ที่มีการติดเชื้อแล้ว ทำให้ไม่เสียแรงงาน และยังควบคุมโรคไม่ให้แพร่เชื้อสู่ชุมชนได้ รวมถึงการหารือทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการโรงงานที่ยังไม่ติดเชื้อเพื่อใช้มาตรการนี้ด้วย จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อเพิ่มขึ้นได้

ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุด วันที่ 22 มิ.ย. 64 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงสุด 696 ราย เสียชีวิต 5 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อสะสม 13,990 ราย เสียชีวิตสะสม 134 ราย คิดเป็น 0.9% อยู่ระหว่างการรักษา 3,255 ราย รักษาหายแล้ว 10,735 ราย ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นคนไทย 6,573 ราย เมียนมา 3,556 ราย กัมพูชา 1,308 ราย ลาว 84 ราย จีน 20 ราย อินเดีย 12 ราย และอื่น ๆ 16 ราย