นายกสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ ย้ำวัคซีนพาสปอร์ตตัวแปรสำคัญดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยช่วงโค้งท้าย ขอรัฐเร่งเจรจาสร้างความชัดเจน พร้อมเดินหน้ายุทธศาสตร์จับนักช็อปชาวไทย ลุยปักธงหลากเทศกาลลากยาวถึงปีหน้าทั้งบวงสรวงเทพ เคานต์ดาวน์ ตรุษจีน วาเลนไทน์ สงกรานต์ ฯลฯ กระตุ้นธุรกิจ
นายชาย ศรีวิกรม์ นายกสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (RSTA) กล่าวว่า แม้รัฐบาลจะมีกำหนดเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในวันที่ 1 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ แต่ด้วยเงื่อนไขปัจจุบันอาจมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะระบบวัคซีนพาสปอร์ตหรือกระบวนการเดินทางแบบไม่ต้องกักตัวทั้งขามาและกลับยังไม่มีความชัดเจน ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเลือกที่จะชะลอหรือเลื่อนการเดินทางมาไทยออกไป เพราะอาจถูกกักตัวเมื่อเดินทางกลับบ้านเกิด
ดังนั้น ภาครัฐต้องเร่งเจรจากับประเทศต่าง ๆ ที่เป็นเป้าหมาย เพื่อสร้างความร่วมมือด้านมาตรการเดินทางระหว่างประเทศ โดยเชื่อว่าหากมีความชัดเจน นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมากแน่นอน เพราะขณะนี้ผู้บริโภคในหลายประเทศทั้งจีน ยุโรป และสหรัฐ ต่างแสดงความพร้อมในการเดินทางท่องเที่ยว สะท้อนจากความคึกคักของธุรกิจสายการบินและการท่องเที่ยวในแต่ละประเทศที่กลับมาคึกคักอีกครั้ง
“เชื่อว่าตอนนี้หากเคลียร์ประเด็นมาตรการการเดินทางระหว่างประเทศ และความเชื่อมั่นได้นักท่องเที่ยว
ต่างชาติจำนวนมากนั้นก็พร้อมจะเดินทางเข้ามากันชนิดที่สามารถบรรลุเป้า 1 ล้านคนที่การท่องเที่ยวฯวางไว้ได้โดยไม่ต้องพึ่งการจัดแคมเปญหรือโปรโมชั่นดึงดูดเพิ่มเติมเลย”
อย่างไรก็ตามในช่วงระหว่างรอความชัดเจนนี้ ชาวไทย และภาคธุรกิจต้องเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นด้วยการท่องเที่ยว จับจ่ายและนำมาตรการป้องกันต่าง ๆ มาใช้เพื่อให้ชาวต่างชาติเห็นและเกิดความเชื่อมั่น พร้อมกับกระจายรายได้ลงไปในแต่ละพื้นที่เพื่อพยุงธุรกิจต่าง ๆ ให้ไปต่อได้
โดยสมาคมจะอาศัยต่อยอดกระแสการฟื้นตัวหลังคลายล็อกดาวน์ ซึ่งเห็นได้จากจำนวนผู้บริโภคที่เดินทางเข้ามาในย่านราชประสงค์กลับมาอยู่ที่ประมาณ 6-8 หมื่นคนต่อวัน แม้จะยังน้อยกว่ายอด 2 แสนคนต่อวันในช่วงปกติแต่ถือเป็นสัญญาณที่ดี เช่นเดียวกับร้านอาหารซึ่งเริ่มมีลูกค้าระดับ 25-30% ของความจุ ส่วนสาขาในห้างสรรพสินค้าช่วงเสาร์-อาทิตย์เริ่มเต็มความจุแล้ว มาจัดงานเทศกาลต่าง ๆ เพื่อสร้างความคึกคัก และย้ำความเชื่อมั่น รวมถึงสร้างการรับรู้ทั้งในและนอกประเทศ
ด้วยกลยุทธ์ “เฟสติวัลอีโคโนมี” (festival economy) ในชื่องาน “เทศกาลราชประสงค์ 8 องค์เทพ” ประเดิมด้วยพิธีสักการะบวงสรวงท้าวมหาพรหม ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งมีไลฟ์สดถ่ายทอดตัวพิธีการและใช้เวอร์ชวลเรียลิตี้สำหรับให้ผู้สนใจได้ร่วมสักการะเทพทั้ง 8 องค์แบบเสมือนจริง ยังกระตุ้นการรับรู้ผ่านการจัดรายการพิเศษผ่านทางเฟซบุ๊กไลฟ์
และหลังจากนี้จะมีการจัดงานเทศกาลต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องเป็นประจำ เพื่อรักษาฐานแฟนขาประจำทั้งชาวไทยและต่างประเทศ โดยอยู่ระหว่างวางแผนจัดงานเคานต์ดาวน์ ส่วนปี 2565 จะเดินหน้าจัดเทศกาลตรุษจีน วาเลนไทน์ สงกรานต์อย่างต่อเนื่อง