ลักเซอรี่แบรนด์โตดับเบิล ดัน สยามพิวรรธน์ ยอดขายไตรมาส 4/64 ทะลุเป้า

สยามพิวรรธน์ SiamPiwat Group

ลักเซอรี่แบรนด์ โตสวนโควิด ดันผลงานศูนย์การค้าในกลุ่มสยามพิวรรธน์ ท็อปฟอร์มไตรมาส 4/64 เกินเป้ากว่า 15% ชี้แบรนด์ดังแห่ขอพื้นที่ขยายร้านเพิ่มอีกเท่าตัวทุกศูนย์ ไอคอนสยาม ทุบสถิติยอดขาย ไตรมาส 4/64 สูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบ 3 ปี พร้อมเดินหน้าลุยสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต เฟส 2 ต่อเนื่อง

วันที่ 16 มีนาคม 2565 นางสรัลธร อัศเวศน์ ผู้บริหารสายงานบริหารธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทประสบความสำเร็จอย่างสูงมากในปี 2564 สามารถสร้างรายได้ทะลุเป้าหมายที่วางไว้ถึง 15% ในไตรมาส 4/2564 ซึ่งเป็นผลจากการปรับแผนกลยุทธ์การตลาดและการขายออกสู่ทุกแพลตฟอร์มตลอดทั้งปี มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง ผ่านการสร้างบริการโซเชียลและอีคอมเมิร์ซ ทำให้สามารถขยายฐานลูกค้าครอบคลุมต่างจังหวัดได้สำเร็จ

สรัลธร อัศเวศน์

อีกทั้งได้ร่วมมือกับทางแอปพลิเคชั่นที่หลากหลายเพื่อขยายช่องทางการจำหน่ายครบรูปแบบออมนิแชนเนลจนถึงการเปิดตัว ONESIAM SuperApp เมื่อปลายปี 2564 ผลักดันให้ยอดซื้อในส่วนของกลุ่มลูกค้าสมาชิกเพิ่มขึ้นกว่า 45% จากปี 2563

สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ที่ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมพร้อมเดินหน้าสร้างอีโคซิสเต็ม (ecosystem) ให้ 4 ศูนย์การค้าของบริษัทเป็นศูนย์กลางการ Earn & Burn สิทธิประโยชน์ และ VIZ Coin โดยเชื่อม 1,000 ร้านค้าและพันธมิตรชั้นนำกว่า 100 รายจาก 13 ประเภทอุตสาหกรรม ครอบคลุมหลากหลายธุรกิจ เพื่อสร้างยอดขายที่ก้าวกระโดดร่วมกันทุกฝ่ายในปี 2565 อย่างต่อเนื่อง

โดยกลุ่มสินค้ากลุ่มลักเซอรี่แบรนด์ ทุกประเภทได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าคนไทยล้วน ๆ ที่มีกำลังซื้อสูงในทุกศูนย์การค้า โดยเฉพาะจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบสินค้าแบรนด์เนม ทั้งสินค้าแฟชั่น accessories นาฬิกาและเครื่องประดับชั้นสูงได้ครบครันมากที่สุดในประเทศ และหลายแบรนด์ดังมีสต๊อกสินค้าใหม่ ๆ ที่มากกว่าร้านในฮ่องกงและสิงคโปร์อีกด้วย

ซึ่งระหว่างวิกฤตการณ์โควิดทั้งสองปี ร้านค้ากลุ่มนี้ ในทั้งสองศูนย์การค้าสามารถสร้างยอดขายและมีอัตราเติบโตที่โดดเด่นสูงเป็นลำดับต้น ๆ ของโลกโดย มีปัจจัยมาจากลักเซอรี่แบรนด์หลายรายได้ขยายพื้นที่ของร้านในสยามพารากอน และแบรนด์ดัง ๆ ได้ร่วมเปิดพื้นที่เป็น “Pop-up Store” ในไอคอนสยามด้วย เพื่อขายลิมิเต็ดคอลเล็กชั่นพิเศษ ซึ่งได้รับความนิยมจากลูกค้าเกินความคาดหมาย ส่งผลให้ปัจจุบันมียอดจองพื้นที่เพื่อเปิด Pop-up Store ทุกเดือนและเต็มตลอดจนถึงปี 2566 แล้ว

ขณะที่อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้รายได้ของกลุ่มสยามพิวรรธน์ เติบโตเกินเป้าในไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 คือ กลุ่มวันสยาม (ONESIAM) ที่สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ปรับเปลี่ยนพื้นที่โดยมีผู้เช่ารายใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นเข้ามาสร้างสีสัน ซึ่งเป็นแรงดึงดูดลูกค้าให้มาใช้บริการมากในไตรมาสสุดท้ายของปี

ด้านนายสุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด กล่าวว่า “หลังจากเปิดให้บริการมาครบ 3 ปี ไอคอนสยามประสบความสำเร็จอย่างมากในการฟันฝ่าและเอาชนะสถานการณ์การแพร่ระบาดตลอดระยะเวลา 2 ปี สามารถสร้างฐานลูกค้าประจำที่เป็นคนไทยล้วนๆ เห็นได้จากจำนวนลูกค้าในปี 2564 ที่เพิ่มขึ้นมากจากปี 2563 ส่งผลให้ยอดขายไตรมาสสุดท้ายเพิ่มขึ้นถึง 43% ซึ่งเป็นรายได้มากที่สุดเป็นประวัติการณ์นับจากเปิดโครงการมาแล้ว 3 ปี และที่สำคัญคือยอดขายเติบโตในทุกกลุ่มสินค้าและบริการ เพราะมีกำลังซื้อจากสมาชิกลูกค้าประจำที่โดดเด่นมาก ซึ่งคิดเป็น 40% ของยอดขายทั้งหมด

สุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล

โดยในปี 2565 นี้ ลูกค้าไอคอนสยามที่เป็นสมาชิก VIZ Card จะได้ใช้ VIZ Coin ผ่าน ONESIAM SuperApp ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระตุ้นการใช้จ่ายให้เติบโตถึง 15-20% และปัจจัยที่จะส่งผลให้มีความคึกคัก คือศูนย์ประชุมและการแสดงมาตรฐานระดับโลก ทรู ไอคอน ฮอลล์ (True Icon Hall) มียอดจองจัดงานแล้วทั้งปี ส่วนรถไฟฟ้าสายสีทอง ซึ่งได้เปิดบริการแล้วจะช่วยส่งเสริมให้ลูกค้าจากทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล เดินทางเข้ามาใช้บริการได้สะดวกสบายอย่างต่อเนื่อง หากมีการเปิดประเทศในปีนี้ และมีนักท่องเที่ยวเข้ามา ยิ่งจะส่งผลให้กิจการของไอคอนสยามเติบโตอย่างก้าวกระโดดอีกด้วย

สำหรับ สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นเช่นกัน และได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าทั่วประเทศ เพราะร้านลักเซอรี่แบรนด์เลือกเปิดร้านกับทางสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต เป็นแห่งแรก และแห่งเดียวในไทย ส่งผลให้ยอดขายทะลุเป้ากว่าที่คาดไว้ มีจำนวนลูกค้าสม่ำเสมอต่อเนื่องและยอดจับจ่ายต่อคนอยู่ในระดับสูงจึงส่งผลให้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาแผนการขยายพื้นที่เฟส 2 เนื่องจากมีลักเซอรี่แบรนด์ประสงค์จะเปิดร้านค้าในสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ตอีกเป็นจำนวนมาก

ขณะที่แพลตฟอร์ม ONESIAM SuperApp ถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนที่ช่วยกระตุ้นยอดการจับจ่ายใช้สอย รวมทั้งทำให้เข้าถึงการขยายตลาดสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่เจเนอเรชั่น Y และ Z โดยในปีนี้ตั้งเป้าว่าจะสร้างยอดขายในกลุ่มสมาชิกให้เติบโตโดยรวมเพิ่มขึ้นกว่าเดิม 30% ควบคู่กับการเดินหน้าขยายระบบนิเวศธุรกิจพรีเมี่ยมระดับโลกอย่างเต็มกำลัง