LG เผย Q2/65 รายได้เพิ่ม 15% กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าพรีเมียมโตแรง

แอลจี เผยผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2565 รายได้เพิ่มขึ้น 15% หรือ 5.46 แสนล้าน สะท้อนจากยอดขายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านพรีเมี่ยม 

วันที่ 3 สิงหาคม 2565 แอลจี อีเลคทรอนิคส์ อิงค์ (แอลจี) เผยผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2565 อยู่ที่ 19.5 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 5.46 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปี 2565 ถึง 15% ถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนถึงยอดขายจากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องปรับอากาศของแอลจีตามภูมิภาคต่าง ๆ

ขณะที่ผลกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 792.2 พันล้านวอน หรือประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันในปี 2564 ที่ผ่านมา 12% โดยมีสาเหตุหลักมาจากความท้าทายด้านซัพพลายเชนและต้นทุนด้านโลจิสติกส์ที่เพิ่มขึ้น

โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องปรับอากาศ มีผลประกอบการประจำไตรมาสดังกล่าวอยู่ที่ 8.07 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 2.26 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เพียงกลุ่มเดียวที่สามารถสร้างผลประกอบการประจำไตรมาสได้มากกว่า 8 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 2.24 แสนล้านบาท โดยผลกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 432.2 พันล้านวอน หรือประมาณ 1.21 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ ผลประกอบการดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมา 18% มีปัจจัยขับจากเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านระดับพรีเมี่ยมและจากหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมสุขอนามัยด้วยการใช้เทคโนโลยีไอน้ำ ในภูมิภาคที่สำคัญของอเมริกาเหนือและละตินอเมริกา โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องปรับอากาศวางแผนรักษาระดับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

เมื่อพิจารณาถึงผลกระทบต่อธุรกิจจากโรคระบาดและภาวะเศรษฐกิจ แอลจีรับมือด้วยการสร้างผลประโยชน์จากทุกกลุ่มธุรกิจที่อยู่ภายใต้การดำเนินการของบริษัท ด้วยการเพิ่มยอดขายให้กับผลิตภัณฑ์ทั้งในระดับพรีเมี่ยมไปจนถึงผลิตภัณฑ์เพื่อผู้บริโภคทั่วไป รวมถึงสร้างการเติบโตในการทำธุรกิจแบบ B2B (business-to-business) เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นต้น

ด้านกลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ มีรายได้ที่ 3.46 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 9.69 หมื่นล้านบาท มีผลขาดทุนจากการดำเนินงาน 18.9 พันล้านวอน หรือประมาณ 5.29 ร้อยล้านบาท สะท้อนถึงการลงทุนด้านการตลาดที่เพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองการแข่งขันในตลาด

ที่ผ่านมากลยุทธ์ด้านโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ของแอลจีมุ่งเน้นจัดการงบประมาณการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างการเติบโตของกลุ่มทีวีพรีเมี่ยม โดยเฉพาะช่วงฤดูกาลที่ทำยอดขายได้สูงสุดอย่างช่วง FIFA World Cup และช่วงวันหยุดยาว

ถัดมาคือกลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ ทำรายได้ประจำไตรมาสสองอยู่ที่ 2.03 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 5.68 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ทำให้กลุ่มธุรกิจนี้ทำกำไรได้เป็นครั้งแรก ยอดขายที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเป็นผลจากการที่แอลจีตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากผู้ผลิตรถยนต์ด้วยการจัดการซัพพลายเชนอย่างมีประสิทธิภาพ

ด้วยปัจจัยความไม่แน่นอนที่เกิดจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น บริษัทจะเดินหน้าสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลก พร้อมกับการบริหารจัดการโครงสร้างต้นทุนที่แข็งแกร่งเพื่อทำกำไรในอนาคต

แม้กระทั่งกลุ่มธุรกิจโซลูชั่นสำหรับองค์กร ทำยอดขายที่แข็งแกร่งในไตรมาสที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.54 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 4.31 หมื่นล้านบาท โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน 14.3 พันล้านวอน หรือประมาณ 4 ร้อยล้านบาท มีรายได้เพิ่มขึ้น 19% จากปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นผลจากการฟื้นตัวของกลุ่มธุรกิจ B2B จากนี้มุ่งพัฒนาโซลูชั่นที่ออกแบบมาเพื่อลูกค้ามากขึ้น

อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจที่ยุติลง ผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 จากธุรกิจแผงโซลาร์เซลล์ของแอลจี ซึ่งได้ถูกปิดตัวลงเมื่อเดือนมิถุนายนตามที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ถือเป็นผลขาดทุนจากการดำเนินธุรกิจที่ถูกยกเลิกไปแล้ว