“มอเตอร์โชว์” ทุ่ม 300 ล้าน ขยายพื้นที่จัดงานกว่าหมื่น ตร.เมตร

มอเตอร์โชว์
 คอลัมน์ : สัมภาษณ์พิเศษ

งานมอเตอร์โชว์ของทุกปี ถือเป็นอีเวนต์ใหญ่ที่ทั้งคนซื้อรถและคนขายรถรอคอย เพราะนอกจากจะมีรถใหม่พร้อมแคมเปญเดือดให้เลือกช็อปแล้ว ค่ายรถยังสามารถตุนยอดขายไว้ได้ตั้งแต่ต้นปี ปีนี้จัดเป็นครั้งที่ 45 ถ้าเทียบอายุถือว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน ส่วนปีนี้จะมีอะไรใหม่ ไปฟังจากปาก “จาตุรนต์ โกมลมิศร์” ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ สายกิจกรรมพิเศษ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และรองประธานจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์

จาตุรนต์ โกมลมิศร์

ปีนี้แตกต่างจากปีอื่น ๆ อย่างไร

งานในปีนี้ได้รับความสนใจจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์ชั้นนำเข้าร่วมงานกว่า 49 แบรนด์ และมีรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ เข้ามาเปิดตัวไม่น้อยกว่า 20 รุ่น ซึ่งในปีนี้มีรถ Hyper Concept อย่าง Mercedes-Benz Vision ONE-ELEVEN และ Nissan Hyper Tourer Concept มาร่วมสร้างสีสันภายในงานอีกด้วยนอกจากนี้ยังมีรถไฮไลต์ภายในงาน อาทิ Lotus Eletre Blends Electric Hyper SUV รถสปอร์ตอเนกประสงค์ขุมพลังไฟฟ้า 100%, Lotus EMIRA ทั้งรุ่น I4 และ V6 Supercharged, The NEW JEEP WRANGLER 2024, New Volvo EX30 รถ SUV ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ หรือจะเป็นรถสัญชาติจีน อย่าง CHANGAN ที่เปิดตัว LUMIN MINI EV ครั้งแรกในงาน ขณะที่ค่าย MG เตรียมเปิดราคา MG4 D Facelift อย่างเป็นทางการ ตามมาด้วย HONRI ที่เปิดตัว BOMA รถไฟฟ้าขนาด 4 ที่นั่ง เช่นเดียวกับรถสัญชาติเวียดนาม อย่าง VINFAST เปิดตัวรถ SUV ไฟฟ้า VF 7 และรถกระบะไฟฟ้าต้นแบบ VF Wild

ขณะที่ค่ายรถจักรยานยนต์ Honda เปิดตัวสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ MOTOCOMPACTO ดีไซน์กระเป๋าเดินทาง กับ UNI-ONE วีลแชร์ไฟฟ้าแบบไม่ต้องพึ่งคนเข็น นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากบรรดาค่ายรถต่าง ๆ ในการออกแบบและตกแต่งบูท เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้เข้าชมงานให้เข้าไปเยี่ยมชมสินค้า ซึ่งการออกแบบบูทของแต่ละค่ายต่างได้รับการพิจารณาอนุมัติโดย บริษัทแม่ในต่างประเทศ และใช้งบฯในการออกแบบก่อสร้างค่อนข้างสูง ซึ่งคาดว่าจะทำให้บรรยากาศของงานในปีนี้จะกลับมาเต็มไปด้วยสีสันเช่นเดิม เชื่อว่าการเข้ามาของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนและเวียดนาม จะทำให้ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยมีสีสันมากขึ้น และเป็นโอกาสที่ดีของผู้บริโภคที่จะเลือกใช้รถยนต์ตามความต้องการได้ในราคาที่เหมาะสม และที่สำคัญผู้เข้าชมงานสามารถเลือกชมเลือกซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ทุกแบรนด์ ทุกรุ่น และทุกแคมเปญ ที่มีจำหน่ายในประเทศได้ภายในงานเดียวอีกด้วย”

ตารางงานปีนี้

เรามีการปรับเพิ่มวันสำหรับสื่อมวลชน หรือ Press Day เป็น 2 วันด้วยกัน คือ วันที่ 25 และ 26 มีนาคม 2567 เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานให้กับสื่อมวลชนจะได้ ทำงานกันอย่างเต็มที่ โดยที่ตารางเวลาสำหรับการนำเสนอของแต่ละแบรนด์ไม่อยู่ในช่วงเวลาเย็นเกินไป สำหรับตารางเวลาการนำเสนอของแต่ละแบรนด์ ท่านสามารถ download ทาง www.motorshow.in.th วัน V.I.P : คือ วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 12.00-20.00 น. วัน 1st Press Day : วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 10.30-20.00 น. วัน 2nd Press Day วันอังคารที่ 26 มีนาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 09.59-18.00 น. ส่วนวันพุธที่ 27 มีนาคม-วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน 2567 รวมระยะเวลา 12 วัน เป็นรอบประชาชนทั่วไป สถานที่จัดงาน อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 และอิมแพ็ค ฟอรั่ม ฮอลล์ 4, อิมแพ็ค เมืองทองธานี

วางเป้าหมายปีนี้อย่างไร

บริษัทตั้งเป้าการเติบโตทั้งในด้านผู้เข้าชมงานและยอดจองรถภายในงานเพิ่มขึ้นประมาณ 15-20% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งทำได้ 42,885 คัน เนื่องมาจากปัจจัยบวกในหลายด้าน โดยเฉพาะการเข้ามาของผู้ผลิตรถรายใหม่ ๆ ดังนั้นเชื่อว่า งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ จะประสบความสำเร็จอย่างเช่นที่เคยผ่านมาได้อย่างแน่นอน

กิจกรรมเสริมอื่น ๆ

ปีนี้มีสื่อจากทั่วโลกเข้ามาลงทะเบียนเพื่อเข้าชมงานมาแล้วมากกว่า 300 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีอยู่ประมาณ 200 ราย และคาดว่าจะสามารถกระจายข่าวสารของงานผ่านสื่อต่าง ๆ ครบทุกแพลตฟอร์มกว่า 1,000 สื่อทั่วโลก ยังมีกิจกรรม Digital Motor Sport ซึ่งทางผู้จัดได้เตรียมเครื่องเล่น Simulator สเป็กเดียวกับที่ใช้ในการแข่งขัน FIA Motor Sport Game ให้ผู้เข้าชมงานได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์การแข่งขันรถยนต์ในรูปแบบ eRacing อีกด้วย นอกจากนี้ทางผู้จัดยังได้ขยายพื้นที่จัดแสดงไปยังอาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม ฮอลล์ 4 รวมพื้นที่จัดแสดงภายในอาคาร กว่า 76,000 ตารางเมตร จากเดิมอยู่ที่ 60,000 ตารางเมตร โดยใช้งบฯลงทุนไปกว่า 300 ล้านบาท ถือว่าพิเศษและยิ่งใหญ่มากกว่าทุก ๆ ปี โดยในส่วนของ ฟอรัม ฮอลล์ 4 เป็นส่วนพื้นที่ของการจัดแสดงยานยนต์ มอเตอร์โฮม อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ Glamping Zone และไฮเปอร์คาร์ ซูเปอร์คาร์ คลาสสิกคาร์ ที่หาชมได้ยาก อาทิ Lamborghini Countach LPI 800-4 ที่มีเพียง 112 คันทั่วโลกเท่านั้น และคันสุดท้ายเรานำมาจัดแสดงอยู่ในงานเราให้ได้ยลโฉมกันแล้ว นอกจากนี้ยังมี Lamborghini Aventador LP770-4 SVJ 63 Roadster Lamborghini Gallardo LP570-4 Squadra Corse Rolls-Royce Phantom Tempus Rolls-Royce Dawn Landspeed NISSAN GTR T-spec Mclaren 720S และ Mclaren Speedtail ที่มีราคากว่า 400 ล้านบาท ซึ่งเป็นไฮไลต์สำคัญหนึ่งของการจัดงานในครั้งนี้ มูลค่าที่นำมาจัดแสดงรวมกว่า 1,300 ล้านบาท บนพื้นที่ 11,600 ตารางเมตร นอกจากนี้ เรายังนำบูทสินค้าลิขสิทธิ์ Line Friend มาไว้ที่งาน เอาใจแฟน ๆ หมี Brown และผองเพื่อน ให้ได้มาเช็กอินถ่ายรูปสวย ๆ กัน พร้อมสนุกกับตู้คีบ กาชาปอง อีกด้วย”

ราคาบัตรเข้าชมงาน ยังคงราคา 100 บาท และพิเศษสุดสำหรับแฟนพันธุ์แท้ VIP Diamond Lounge ประสบการณ์ที่จะทำให้การชมงานพิเศษมากขึ้น ตลอดช่วงการจัดงานทั้ง 14 วัน ในราคา 999 บาท สามารถเข้าชมงานได้ทุกวัน พักผ่อนทานของว่างและเครื่องดื่ม มีที่จอดรถและรับของที่ระลึก ร่วมรับสิทธิลุ้นรับรางวัลรถยนต์ไฟฟ้า LUMIN และรถจักรยานยนต์ 4 คัน จากแบรนด์ HONDA YAMAHA KAWASAKI และ SUZUKI สำหรับผู้ซื้อบัตรเข้าชม สำหรับผู้จองซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ภายในงาน ลุ้นรับรางวัลรถยนต์ MG4 Electric D Version และรถจักรยานยนต์ ZEEHO AE6+