
ตลาดมือสองวุ่นไม่เลิก ผู้ประกอบการชี้ สถาบันการเงินคุมเข้มหนี้เสีย เป็นเหตุยอดขายชะลอ หวังสถาบันการเงินผ่อนปรน ช่วยเพิ่มความสามารถเป็นเจ้าของรถง่ายขึ้น ระบุชัดปีนี้ตลาดแค่ทรงตัว ชี้จับตลาดรถมือสอง ไฮบริด ความนิยมพุ่ง เหตุลูกค้ามั่นใจ ชอบความสะดวกในการใช้งาน
นายภิญโญ ธนวัชรภรณ์ อดีตนายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว และในฐานะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โยรัชดา จำกัด ผู้ประกอบการธุรกิจรถยนต์ใช้แล้ว เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงสถานการณ์ของตลาดรถยนต์ใช้แล้ว (รถมือสอง) ว่ายังคงต้องเผชิญกับสถานการณ์ความเข้มงวดของสถาบันการเงิน บริษัทไฟแนนซ์ต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2566 เนื่องจากมีจำนวนของหนี้เสีย หรือ NPL ค่อนข้างมาก
แต่ยังเชื่อว่าตลาดรถยนต์ใช้แล้วจะยังคงต้องเดินหน้าต่อไป และสถานการณ์ความเข้มงวดของสถาบันการเงินจะเริ่มผ่อนคลาย ควบคู่ไปกับการปรับตัวของผู้ประกอบการให้สอดรับกับสถานการณ์โดยรวมเพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้
“วันนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ได้ปรับตัว ปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจให้เหมาะสมกับมาตรการของสถาบันการเงินที่มีความเข้มข้นสูงมาก ผมเชื่อว่าทุกคนเข้าใจและปรับตัว ทั้งผู้ประกอบการ สถาบันการเงิน ในการมองหาลูกค้าที่เหมาะสม แบงก์เองก็มอนิเตอร์ผู้ประกอบการมากขึ้น รวมทั้งผู้ซื้อ”
นายภิญโญเชื่อว่า สถานการณ์ดังกล่าวจะทรงตัวไปอย่างต่อเนื่อง จนกว่าสถาบันการเงินจะสามารถเคลียร์ปัญหาหนี้เสียได้ อย่างไรก็ตามเชื่อมั่นว่าธุรกิจรถยนต์จะเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
แม้ว่าตลาดรถยนต์ใหม่ หรือรถป้ายแดงยอดจำหน่ายไม่มีการเติบโตเป็นผลมาจากการชะลอตัวของสภาพเศรษฐกิจ แต่สำหรับตลาดรถยนต์ใช้แล้ว ถือว่ายังทรงตัว และกลายเป็นปัจจัยบวกเนื่องจากผู้บริโภคที่มองหารถยนต์เพื่อการใช้งานให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน อีกทั้งราคาจำหน่ายยังถือเป็นดัชนีชี้วัดการตัดสินใจของผู้บริโภค
ประกอบกับความนิยมของรถยนต์ใช้แล้ว ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงให้ความสนใจและมองหารถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในไว้ใช้งาน โดยเฉพาะรถในกลุ่มเครื่องยนต์ไฮบริดที่ได้รับความนิยมเพิ่มสูงมากเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดรถยนต์ใหม่ป้ายแดง
ส่วนตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 100% หรือรถอีวีใช้แล้วยังไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร เนื่องจากมีรถอีวีใช้แล้วเข้าสู่ตลาดจำนวนไม่มาก เนื่องจากยอดส่งมอบรถใหม่มีไม่สูง
ประกอบกับการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีในรถอีวี เปลี่ยนแปลงค่อนข้างรวดเร็ว ทำให้ผู้บริโภคหลาย ๆ คนไม่กล้าเสี่ยง โดยเฉพาะในส่วนของแบตเตอรี่ ทำให้สถาบันการเงิน ไฟแนนซ์เองก็มีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อยอดจัดของรถอีวีใหม่ และอีวีใช้แล้วเช่นเดียวกัน
“การที่หลายคนมองว่า รถอีวีจะมาดิสรัปต์ตลาดรถใช้แล้วนั้น ผมมองว่ายังต้องใช้เวลาอีกพัก เพราะรถอีวีพอเข้าสู่ตลาดรถยนต์ใช้แล้วราคาตกลงไปมาก แถมเทคโนโลยีไปเร็ว และคนซื้อรถอีวีเขาซื้อเทคโนโลยี ไม่ได้ยึดติดเรื่องลอยัลตี้ รถอีวีตกยุคเร็ว ผู้ประกอบการบางรายยังไม่ซื้อเข้าเพื่อทำตลาด ส่วนรถไฮบริดที่มีเพิ่มมากขึ้น เป็นผลมาจากความสะดวกสบาย และความสบายใจในการใช้งาน”
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมีความกังวลหลังจากแพลตฟอร์มการขายรถยนต์มือสองออนไลน์ได้ประกาศปิดตัวลงไปนั้น ไม่ได้ส่งผลต่อภาพรวมตลาด เนื่องจากเป็นเรื่องของการบริหารจัดการที่ผิดพลาดและไม่มีความยืดหยุ่นเท่านั้น
ตลาดรถยนต์ใช้แล้วในประเทศไทย มีลักษณะเฉพาะและจำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจในการบริหารจัดการต้นทุน สต๊อกรถเป็นสำคัญ การจะเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยให้ขึ้นไปใช้แพลตฟอร์มนั้นอาจจะยาก เพราะผู้บริโภคชาวไทยเป็นกลุ่มที่มีลอยัลตี้ค่อนข้างสูง
นายภิญโญยังกล่าวว่า ในส่วนของธุรกิจโยรัชดาเองนั้น ปีนี้บริษัทได้เตรียมงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท สำหรับการลงทุน เพื่อก่อสร้างโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่ บนพื้นที่ขนาด 3 ไร่ เป็นโชว์รูม 2 ชั้น รองรับรถ 100 คัน บนถนนนิมิตใหม่ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าย่านมีนบุรี รังสิต และเตรียมรองรับตลาดที่จะเติบโตขึ้น
โดยปีนี้ตั้งเป้าจะมียอดขายเติบโตไว้ 10-15% จากปีก่อนมียอดขายอยู่ 1,500 คัน หรือเฉลี่ยเดือนละกว่า 100 คัน จากสาขาทั้ง 8 แห่ง แบ่งเป็น ใน กทม. 5 สาขา และต่างจังหวัด 3 สาขา ได้แก่ เชียงราย, ภูเก็ต และสุราษฎ์ธานี
“ที่เราตัดสินใจขยายโชว์รูมครั้งนี้ เพราะต้องการเพิ่มมาตรฐานการบริการให้ดีขึ้นกว่าเดิม และเพื่อรักษาฐานเดิมให้อยู่กับเรา ทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรับกับตลาดรถอีวีในอนาคต”