“โลตัส” เปลี่ยนมือ “เวิร์นส์” ดีลเลอร์วอลโว่เสียบแทน “นิชคาร์”

เวิร์นส์ ออโตโมทีฟ ปรับใหญ่หลังคว้าสิทธิ์เป็นดิสทริบิวเตอร์ไฮเปอร์คาร์แบรนด์ “โลตัส” ในไทย ลั่นเปิดตัวกลางปีนี้ แย้มมีแผนนำเข้าอีวี 100% รุ่น EVIJA ขายปีหน้า ส่วนดีลเลอร์โฟกัสเฉพาะแบรนด์วอลโว่เท่านั้น

นายธีรพงศ์ รอดลอย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แปซิฟิคไทย มอเตอร์สปอร์ตส์ จำกัด หรือ เวิร์นส์ ออโตโมทีฟ ประเทศไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า บริษัทบรรลุข้อตกลงกับ Starchase Group กลุ่มทุนใหญ่จากสิงคโปร์ ซึ่งได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนจำหน่ายไฮเปอร์คาร์โลตัส ที่ฮ่องกง เพื่อรับสิทธิ์เป็นตัวแทนจำหน่ายแบรนด์โลตัสในประเทศไทย โดยน่าจะเริ่มทำตลาดอย่างจริงจังกลางปีนี้

“เราคุยกับบริษัทแม่ Starchase Group ตั้งแต่ปี 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งผู้ดูแลตลาดรายเดิมในประเทศไทยสิ้นสุดสัญญา บริษัทก็ได้ยื่นสมัครเป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งล่าสุดบริษัทได้รับการอนุมัติและแต่งตั้งให้ บริษัท แปซิฟิคไทย มอเตอร์สปอร์ตส์ จำกัด หรือเวิร์นส์ ออโตโมทีฟ ประเทศไทย เป็นผู้รับผิดชอบดูแลการตลาดและงานขาย รวมทั้งบริการหลังการขายแบรนด์โลตัสในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”

นายธีรพงศ์กล่าวอีกว่า ตามแผนงานกำหนดเปิดตัวบริษัทอย่างเป็นทางการราวกลางปีนี้ และจะมีการนำเข้ารถยนต์โลตัส รุ่นที่มีจำหน่ายปัจจุบันในต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยด้วย โดยมีโชว์รูมและศูนย์บริการอยู่ที่สำนักงานใหญ่ย่านหัวหมาก บริเวณพื้นที่เดียวกับที่ตั้งโชว์รูมและศูนย์บริการถยนต์วอลโว่ในปัจจุบัน

และในปี 2564 มีแผนที่จะนำรถยนต์ไฮเปอร์คาร์ โลตัส ที่ขับเคลื่อนระบบไฟฟ้า 100% รุ่น EVIJA เข้ามาจำหน่ายด้วย โดยรถคันนี้มาพร้อมกับสมรรถนะอันโดดเด่น ด้วยกำลังมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว ขนาด 1,973 แรงม้า (Hp) แรงบิด 1,700 นิวตันเมตร ด้วยสมรรถนะที่แรงเกินตัว สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. น้อยกว่า 3 วินาที ความเร็วสูงสุดทะลุ 320 กม./ชม.

ใช้แบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออนวางไว้ตรงกลางรถ สามารถวิ่งได้ไกลถึง 400 กม.ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง และตัวแบตเตอรี่เองสามารถรองรับการชาร์จความจุได้มากถึง 800 กิโลวัตต์ ซึ่งโลตัสเคลมว่ารถรุ่นนี้สามารถชาร์จไฟได้รวดเร็วมาก ชาร์จได้เต็มในเวลาเพียงเก้านาที ถือได้ว่าเป็นรถยนต์ที่มีระบบชาร์จไฟได้เร็วที่สุดในโลก

ขณะที่น้ำหนักของตัวรถทำจากโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ Monocoque แบบชิ้นเดียวที่มีน้ำหนักเพียง 129 กก. และชิ้นส่วนที่ผลิตด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ และอื่น ๆ ทำให้น้ำหนักตัวรถให้ได้เพียง 1,680 กก.

“จริง ๆ แล้วเราได้รับการอนุมัติจากทางโลตัส มาตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อนแล้วแต่นั่นถือว่ายังไม่เป็นทางการมากนัก จนล่าสุดเมื่อเราได้มีการเซ็นสัญญา และโลตัสได้ประกาศว่า เราเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดยสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้บนเว็บไซต์ อย่างเป็นทางการของโลตัส ที่ www.lotuscars.com ได้แล้ววันนี้” นายธีรพงศ์กล่าว

กลุ่มเวิร์นส์ฯถือเป็นกลุ่มทุนข้ามชาติที่เข้ามามีบทบาทในการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์แบรนด์วอลโว่รายใหญ่ ที่มีแฟลกชิปสโตร์ที่ใหญ่ที่สุดของวอลโว่ในระดับภูมิภาค และก่อนหน้านี้ยังมีโชว์รูมและศูนย์บริการวอลโว่ และมาสด้า กระจายตามพื้นที่ต่าง ๆ แต่เนื่องจากธุรกิจได้มีความเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบายของบริษัท ประกอบกับสัญญาเช่าที่ดินหมดอายุ ทำให้ปัจจุบันบริษัทคงไว้แต่โชว์รูมวอลโว่ สาขาหัวหมากไว้ และกำลังเดินหน้าสร้างแบรนด์ไฮเปอร์คาร์อย่างโลตัส ในประเทศไทย

ส่วนอนาคตก็มีความเป็นไปได้ว่า บริษัทแม่ได้มองหารถยนต์แบรนด์อื่น ๆ เข้ามาเสริมทัพสร้างความแข็งแกร่งให้กับ “เวิร์นส์ฯ” ในประเทศไทยต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ที่มีความเชี่ยวชาญในฐานะผู้นำเข้า/ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์มัลติแบรนด์ที่มีศักยภาพในภูมิภาคเอเชีย ทั้งปอร์เช่, แอสตัน มาร์ติน, วอลโว่, เบนท์ลีย์, จากัวร์, แลนด์โรเวอร์, บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ, อินฟินิตี้, โฟล์คสวาเก้น และมีโชว์รูมและศูนย์บริการครอบคลุมทั้งในสิงคโปร์, จีน, ฮ่องกง, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, เวียดนาม และประเทศไทย

ปัจจุบันกลุ่มเวิร์นส์ ออโตโมทีฟ ถือหุ้นโดย Starchase Group กลุ่มทุนยักษ์ใหญ่จากสิงคโปร์ ที่ได้เข้ามาซื้อกิจการของกลุ่มเวิร์นส์ ออโตโมทีฟ จากกลุ่ม Wearnes International Group หรือเวิร์นส์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป เมื่อปี 2559 ส่วนธุรกิจประเทศไทยหลังจากมีการเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้น ได้เปลี่ยนชื่อบริษัทจากบริษัท แรงค์ พี.ที. โอคอร์เนอร์ จำกัด มาเป็นบริษัท แปซิฟิคไทย มอเตอร์สปอร์ตส์ จำกัด ภายใต้กลุ่มเวิร์นส์ ออโตโมทีฟ ประเทศไทย

ขณะที่แบรนด์ไฮเปอร์คาร์โลตัส ก่อนหน้านี้ทำตลาดในประเทศไทย ภายใต้การดูแลของกลุ่มนิชคาร์ โดยนายวิทวัส ชินบารมี กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิชคาร์ กรุ๊ป จำกัด ก่อนหน้านี้กลุ่มนิชคาร์ทำตลาดรถยนต์ซูเปอร์คาร์หลายแบรนด์เช่น ลัมโบร์กินี, โลตัส, แมคลาเรน, ปากานี, โคนิกเซ็กก์, ฮัมเมอร์ ซึ่งปัจจุบันได้ยุติบทบาทการเป็นตัวแทนจำหน่าย และมีผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ เข้ามารับหน้าที่ดูแลทำตลาดในประเทศไทยแทน

​