คอลัมน์ : สามัญสำนึก ผู้เขียน : อิศรินทร์ หนูเมือง
ยากยิ่งกว่ายาก ที่ขั้วการเมืองฝ่ายตรงกันข้าม จะพลิกเกมเข้ามาบริหารอำนาจแทนเครือข่าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ 3 ป. ในช่วงวิกฤต “รักษาการนายกฯ”
แม้ภาพ 3 ป.จะไม่แนบแน่นสนิทเหมือนที่ผ่านมา เพราะพิษคนรอบข้าง ระหว่างทีมตึกไทยคู่ฟ้า กับทีมบ้านป่ารอยต่อ ไม่ลงรอย
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
แต่กระนั้น การบริหารอำนาจทั้งในฝ่ายบริหาร-นิติบัญญัติ องค์กรอิสระ และโยงใยในฝ่ายตุลาการ กระบวนการยุติธรรม ยังอยู่ในระดับเนื้อเดียวกัน
พิจารณาจากการจัดทัพกำลังคนในทุกโครงสร้างอำนาจ ล้วนเป็นธง คำตอบ สำหรับรับยุทธวิธีก่อนและหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า ที่จะเกิดขึ้นอย่างช้า กลางปี 2566
เริ่มจากฐานกำลังที่ใกล้ประชาชนโหวตเตอร์ที่สุด กระทรวงมหาดไทย จัดแถวข้าราชการใหม่ ตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป รวดเดียว 37 ตำแหน่ง
เป็นไปตามโผโยกย้าย-ปักหมุดทุกตำแหน่ง ตรึงอยู่ในฝ่ายอำนาจของรัฐบาล ตั้งแต่ระดับการบริหารที่ศูนย์กลางในกระทรวง รองปลัดกระทรวง ผ่องถ่ายตำแหน่งระดับอธิบดี และผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ
เริ่มตั้งแต่โยก นายพรพจน์ เพ็ญพาส จากตำแหน่งอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เข้ามาดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
ย้าย นายสมคิด จันทมฤก จากอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เข้าเป็นรองปลัดกระทรวง แล้วดึง นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าฯ ชุมพร เข้ามาประจำการที่เก้าอี้รองปลัดกระทรวง
จากนั้นเติมแต้มให้ผู้ว่าฯ จังหวัดหลัก ๆ อาทิ ดันนายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ จากผู้ว่าฯ สระบุรี ขึ้นแท่นอธิบดีกรมการปกครอง ดันนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ จากรองปลัดกระทรวง ไปเป็นเป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ผ่องถ่ายนายชยาวุธ จันทร รองปลัดกระทรวง ไปเป็นอธิบดีกรมที่ดิน
ยกชั้นนายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ จากผู้ว่าฯ อุบลราชธานี ขึ้นผงาดอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ปักหมุดให้นายขจร ศีชวโนทัย จากผู้ว่าฯจังหวัดสมุทรสงคราม ขึ้นชั้นเป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
ขยับไปอีกที่ ที่คุมกำลังทุกองคาพยพของ 3 เหล่าทัพ แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะพักการทำหน้าที่ แต่ไม่ได้พักอำนาจ ยังคงกุมสภาพการณ์ ในฐานะ รมว.กลาโหม จัดผังขุมกำลังโผทหารเบ็ดเสร็จ อาทิ ชื่อในโผ ปลัดกลาโหม เป็น พล.อ.สนิธชนก สังขะจันทร์ (ตท.24) มีอายุราชการถึงปี 2568
ตำแหน่งท็อปสุดที่กองทัพเรือ ยังเป็นชื่อ พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ (ตท.22) ขยับขึ้นจาก ผู้ช่วย ผบ.ทร. เป็น ผบ.ทร. ส่วนอีกตำแหน่งที่สำคัญคือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.อ.อ.ธนศักดิ์ เมตะนันท์ (ตท.22) รอง ผบ.ทอ. ขึ้นเป็น ผบ.ทอ.
กองทัพบก ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อความต่อเนื่องแบบไร้รอยต่อ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ยังนั่งตำแหน่ง ผบ.ทบ.ไปจนเกษียณปี 2566
ส่วนที่ปฏิบัติการเขย่าโผวงการตำรวจ ในช่วง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาการนายกฯ นับเป็นสถานการณ์ที่ล่อแหลม แต่สายอำนาจตึกไทยคู่ฟ้า การันตีไม่มีพลิกโผ ผบ.ตร.คนใหม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ไม่ใช่คนอื่นไกล ยังอยู่ในลูกข่าย 3 ป.
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ผงาดจาก รอง ผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคงและกิจการพิเศษ อาวุโสอันดับ 2 นักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่นที่ 38 และนักเรียนเตรียมทหาร (ตท.) รุ่นที่ 22 ที่มีผลงานในวงการความมั่นคง-เด็ดหัวอาชญากรคดีสำคัญ อาทิ คดีเสี่ยโป้ ยึดทรัพย์เครือข่ายพนันออนไลน์รายใหญ่ คดีทลายแท่นผลิตแบงก์ดอลลาร์ปลอม คดีค้าอาวุธปืนออนไลน์ ฯลฯ มีวาระการทำงาน 1 ปี เกษียณปี 2566
นอกจากวางกำลังคนทุกโครงสร้างอำนาจ 3 ป.ยังวางกำลังเงิน ผ่านการจัดงบประมาณ 2566 วงเงินกว่า 3.185 ล้านล้านบาท ซึ่งผ่านการลงมติของสภาไปแล้ว รอเริ่มต้นเบิกใช้ตามยุทธวิธี 1 ตุลาคม 2565 ไปจนถึง ฤดูการเลือกตั้ง จนกว่าจะได้รัฐบาลใหม่
งานบนดินของเครือข่าย 3 ป. ดำเนินไปอย่างได้ประสิทธิผล ส่วนงานใต้ดิน-สีเทา มีมือ ป.ที่ 4 ร่วมเคลื่อน
ขั้วการเมือง หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า แม้ฝ่ายตรงข้ามจะได้ชัยชนะ แต่ถ้าแผนแลนด์สไลด์ ไม่ทะลุ 250 เสียง ก็ยากที่จะล้ม-ล่มเรือเหล็กที่กุมหางเสือ โดยผู้มีบารมีเหนือ 3 ป.
