การเมือง

พรรคหญิงหน่อย หักแผนควบรวมสร้างอนาคตไทย รุ่นใหญ่แกงกันเอง

พรรคหญิงหน่อย หักแผนควบรวมสร้างอนาคตไทย รุ่นใหญ่แกงกันเอง

การควบรวมพรรคเกิดใหม่ ที่กำลังเดินหน้าอย่างเข้มข้น ต้องวงแตก เพราะนักการเมืองรุ่นใหญ่ ในพรรคสร้างอนาคตไทย หักเกมกันเอง

วันที่ 5 พฤศจิกายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่สุดแผนการรวมพรรคระหว่างพรรคสร้างอนาคตไทย ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นประธาน กับพรรคไทยสร้างไทย ที่มีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ เป็นหัวหน้าพรรค ก็ต้องยุติกลางคัน

แหล่งข่าวจากแกนนำในการเจรจา 2 พรรค เปิดเผยว่า การนัดเจรจาครั้งล่าสุด ของทั้ง 2 พรรค เกิดการหักเกมกันเองของนักการเมืองรุ่นใหญ่ในพรรคสร้างอนาคตไทย เปลี่ยนทีมเจรจา จากนักการเมืองที่คุมทีม กทม. ซึ่งเป็นบุคคลที่เปิดทางเจรจารวมพรรคมาตั้งแต่ต้น เป็นประธานพรรค กับหัวหน้าและเลขาธิการพรรค นัดหมายกับแกนนำพรรคไทยสร้างไทย ที่มีทั้งระดับหัวหน้า และประธานยุทธศาสตร์ เลขาธิการพรรค

ในการเจรจารอบนั้น เป็นไปอย่างหลวม ๆ โดยมีการกล่าวถึงหลักการ และวางตำแหน่งสำคัญ เช่น แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เสนอ 2 ชื่อ โดยไม่ต้องจัดลำดับว่าใครเบอร์ 1 รวมทั้งกำหนดแนวทางการทำงานร่วมกัน ทั้งการวางตัวบุคลรับผิดชอบผู้สมัคร ส.ส. ทั้งใน กทม. และ 4 ภาค 400 เขต อย่างคร่าว ๆ

แต่เนื่องจากการเจรจากวงดังกล่าว มีนักการเมืองรุ่นใหญ่คนหนึ่งของฝ่ายสร้างอนาคตไทย ตกขบวน ไม่ได้อยู่ในวงเจรจา จึงไม่พอใจออกมาประกาศหักเกม พับแผน ทุบกระบวนการควบควม 2 พรรค ทำให้แกนนำทั้ง 2 ฝ่าย ต่างส่งสัญญาณกันว่า ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างเดินกันไปก่อน

แม้ว่าก่อนหน้านี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย จะส่งสัญญาณประนีประนอม การควบรวมพรรค กับพรรคไทยสร้างไทย ที่มีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นหัวหน้าพรรค ว่า ตนกับคุณหญิงสุดารัตน์ รู้จักกันมานาน และเห็นคุณหญิงสุดารัตน์ เป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง

ทั้งนี้ แกนนำพรรคไทยสร้างไทย ยืนยันว่า ฝ่ายที่อยากรวมพรรคคือฝ่ายสร้างอนาคตไทย แต่หากมีการรวมกัน ในฐานะที่คุณหญิงสุดารัตน์ มีประสบการณ์ทางการเมือง และมีเครือข่ายมากกว่า ขอเสนอตัวเป็นหัวหน้าพรรค และเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเบอร์ 1 โดยฝ่ายพรรคสร้างอนาคตไทย เห็นว่าในหลักการรวมกันได้ แต่ต้องพบกันครึ่งทาง ทั้งตัวบุคคลที่จะขายในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค ซึ่งหากฝ่ายพรรคไทยสร้างไทยยืนยันให้คุณหญิงสุดารัตน์ ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค คงต้องถอยไปตั้งหลักพักการเจรจาไว้ก่อน