พรรคเพื่อไทย รื้อบอร์ดบริหาร อีเวนต์เปิดวิสัยทัศน์แคนดิเดตนายกฯ

เพื่อไทย

กลายเป็นข่าวดีของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี กำลังได้หลานคนที่ 7

เมื่อ “แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค กำลังตั้งท้องลูกคนที่ 2

และมีกำหนดการคลอดในเดือนพฤษภาคม 2566 ช่วงทีเด็ดทีขาดทางการเมือง เลือกตั้งกำลังเดือด

ชาวพรรคเพื่อไทย เมื่อได้ยินข่าวแล้ว กลับมาคิดว่าจะมีปัญหาต่อการหาเสียงเลือกตั้งที่จะเข้มข้นตั้งแต่เปิดศักราช 2566 หรือไม่

“นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกตัวว่า น.ส.แพทองธาร ยังไม่ได้ประกาศให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ จะฟังเสียงประชาชนเป็นหลัก

ส่วนเรื่องการตั้งครรภ์นั้น มิติเชิงสุขภาพและสาธารณบุคคลมีผลพิจารณาน้อยมาก ถ้าไม่เกี่ยวข้องกับสภาวะที่ไม่สามารถทำงานได้ เลยไม่น่ามีปัญหาอะไร

“เพราะการหาเสียงเลือกตั้งทำได้หลายวิธี แม้ว่าการตั้งครรภ์อาจมีผลกระทบบ้าง แต่คงไม่ใช่ประเด็นหลัก”

มี ส.ส.บางราย มีไอเดียกระฉูด คิดภาพหาเสียงเร็ว ๆ ในหัว

โดยชูประเด็นที่ประเทศไทยอยู่ในภาวะที่สังคมไทยกำลังเข้าสู่ “สังคมคนแก่” เต็มรูปแบบ อีกทั้งปี 2565 ยังเป็นปีที่อัตราการเกิดน้อยกว่าอัตราคนเสียชีวิต ต่อไปจะทำให้ประชากรวัยแรงงานขาดแคลน ทำให้ประเทศเข้าขั้นวิกฤต

“ดังนั้น การหาเสียงในชุดคลุมท้องก็น่าจะเป็นอีกมิติหนึ่งที่น่าสนใจ และเรียกคะแนนได้” ส.ส.เพื่อไทยรายหนึ่ง ออกเสียงเชียร์

ขณะที่ ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ อีกคนหนึ่งของพรรคเพื่อไทย คือ “เศรษฐา ทวีสิน” ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เมื่อทราบข่าวดีของ ครอบครัวชินวัตร ก็ทำการทวีตข้อความในทวิตเตอร์ส่วนตัวทันที ดังนี้

“นายกฯชาติอื่นก็เคยท้องและทำงานให้เห็นมาแล้ว”

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทุกฝ่ายไม่อาจปฏิเสธได้ว่า การเลือกตั้ง 2566 มีอัตราการเดิมพันสูงยิ่งของทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายผู้กุมอำนาจปัจจุบัน ที่ต้องพยายามทุกทางที่ไม่ปล่อยให้หลุดมือ

และฝ่ายพรรคเพื่อไทย ผู้จ้องชิงอำนาจอันดับหนึ่ง ก็ต้องการแลนด์สไลด์ หรืออย่างน้อยต้องได้ ส.ส.มากที่สุด เพื่อนำมาใช้ต่อรอง ปูทางให้ คุณตา-คุณปู่ทักษิณ กลับบ้านมาเลี้ยงหลานทั้ง 7

แหล่งข่าวในพรรคเพื่อไทย ระดับพื้นที่ วิเคราะห์สนามเลือกตั้งว่า สนามเลือกตั้งภาคเหนือ เพื่อไทยการันตีชัยชนะ เพราะคู่แข่งจากพรรคต่าง ๆ ไม่แข็งแกร่งพอที่จะต้านทานพรรคเพื่อไทย เพราะไม่มีตัวที่แข็งพอมาสู้กับพรรคเพื่อไทย จะมีเพียงเหนือตอนล่าง ที่อาจจะเสียท่าในบางเขต

ภาคอีสาน เป็นที่หมายปองของหลายพรรค ขณะนี้ พรรคเพื่อไทย วางตัวผู้สมัคร ส.ส.เสร็จแล้ว 90% ส่วนบางเขตที่ยังไม่เคาะตัวผู้สมัคร เพราะ 1.เขตเลือกตั้งบางเขตยังไม่ชัดเจน ยังรอ กกต.ประกาศเขตเลือกตั้ง 2.ยังรอความชัดเจน ส.ส.เดิมจะย้ายพรรคสลับขั้วหรือไม่ แต่ก็วางคนใหม่ไว้เสียบแทนที่แล้ว

ทว่า ขณะนี้ ส.ส.อีสานพรรคเพื่อไทย กำลังจับตา “พลังกัญชา” ของพรรคภูมิใจไทย ที่ตีตื้นพรรคเพื่อไทยขึ้นมาอย่างน่ากลัวในหลายเขต ไม่ว่าอีสานตอนเหนือ ตอนกลาง และอีสานใต้

ตัวอย่างเช่น จังหวัดที่สู้กันอย่างดุเดือด คือ จ.อุบลราชธานี 11 เขต ทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคไทยสร้างไทย พรรคสร้างอนาคตไทย ที่ประกาศตัวผู้สมัครไว้แล้ว ไม่นับภูมิใจไทยที่ปักหมุดก่อนใครเพื่อน อาจต้องชิงเก้าอี้กันอย่างฝุ่นตลบ

มีเพียงพรรคพลังประชารัฐ ที่ยังไม่แสดงตัว หลังแกนนำอย่าง “สุพล ฟองงาม” ย้ายไปพรรคสร้างอนาคตไทย

กระนั้น แม้ดูเหมือนพรรคเพื่อไทย จะได้เปรียบในเชิงพื้นที่ ทั้งเหนือ-อีสาน เพราะมี ส.ส.มากที่สุด บวกกระแสความนิยมรัฐบาลปัจจุบันที่ดิ่งเหว แต่พรรคเพื่อไทย กลับเสียเปรียบเชิงอำนาจการเมือง

“ขณะนี้มีการส่งสัญญาณให้พรรคฝ่ายรัฐบาลเดินหน้าหาเสียงได้เต็มที่ เพราะจะยุบสภาเอาเดือนสุดท้ายก่อนครบวาระ ตอนนี้พรรคขั้วรัฐบาลจะหาเสียงอย่างไรทำได้เลย ไม่ต้องกังวลกฎเหล็ก 180 วันก่อนเลือกตั้ง เพราะระเบียบ กกต.ไม่ได้ห้ามคนเป็นรัฐมนตรีลงพื้นที่”

“ต่างจากพรรคเพื่อไทย ที่ไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก เพราะเป็นฝ่ายค้าน จะช่วยเหลือชาวบ้านเรื่องน้ำท่วมก็ยังทำไม่ได้” แหล่งข่าวกล่าว

ดังนั้น พรรคเพื่อไทย จึงเตรียมปรับแท็กติกอีกครั้งเพื่อเดินหน้าเข้าสู่เกมอันตรายเลือกตั้ง

โดยนัดประชุมใหญ่วิสามัญพรรค ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 เพื่อปรับเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ใหม่ โดยจะถอด กก.บห.ที่เป็น ส.ส.ออก เว้นเฉพาะตำแหน่งสำคัญ ๆ อาทิ หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค

ปัจจุบัน กรรมการบริหารพรรคที่เป็น ส.ส. อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรค นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรค นายสรวงศ์ เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค นายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ รองเลขาธิการพรรค นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการพรรค นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรค นางสาวจิราพร สินธุไพร

เหตุที่ถอด ส.ส.ออกจากกรรมการบริหารพรรค เพราะหาก “พลาดท่า” ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งขึ้นมา อาจถูกยุบพรรคได้ ดังนั้น จึงตัดไฟแต่ต้นลม

ที่สำคัญ ในวันนั้น ต้องบันทึกเอาไว้ในปฏิทินการเมืองว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย จะเปิดตัวบนเวที เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ทางการเมืองเป็นครั้งแรก

เป็นแกรนด์โอเพนนิ่ง เพื่อให้ประชาชนรู้จักหน้าค่าตา และวิสัยทัศน์ ตามที่แหล่งข่าวระบุก่อนหน้านี้ว่า

“ต้องเปิดตัวเร็ว อาจเป็นเดือนพฤศจิกายนเพราะคุณเศรษฐา แม้เป็นที่รู้จักของคนใน กทม.และคนชั้นกลาง แต่เวลาไปแนะนำที่ต่างจังหวัด อาจจะยังมีปัญหา ที่ชาวบ้านยังไม่ค่อยรู้จักจึงต้องบิลด์กระแส”