ประยุทธ์ เปิดฉากดึง 21 ผู้นำเอเปค รับรองฉันทามติเศรษฐกิจ BCG

ประยุทธ์ เอเปค

ประยุทธ์ เปิดงานเอเปค 2022 อย่างเป็นทางการ กล่อมผู้นำ 21 เขตเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิกฟิก มีฉันทามติรับรองเศรษฐกิจ BCG-4 เป้าหมายกรุงเทพฯ ร่วมมือแบบองค์รวม เปลี่ยนวิถีชีวิติ-การทำธุรกิจ เพื่อปกป้องโลก-มวลมนุษยชาติ สร้างสมดุลกับสิ่งแวดล้อม

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 ที่ห้องประชุม Plenary Hall 2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวเปิดในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 รูปแบบ Retreat ช่วงที่ 1 หัวข้อ “การเจริญเติบโตที่สมดุล ครอบคลุม และยั่งยืน” ว่า

เปลี่ยนวิถีชีวิต-การทำธุรกิจ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนและประเทศไทยรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคแบบพบหน้ากันครั้งนี้ หลังจากที่เราไม่ได้เจอกันมานานถึง 4 ปี การประชุมของเราในสองวันต่อจากนี้ จะเป็นบทสรุปการหารือในช่วงสัปดาห์ผ่านมา เพื่อร่วมมือกันฟื้นฟูและนําพาภูมิภาคของเราไปสู่อนาคตที่ดียิ่งขึ้น สําหรับการหารือในวันนี้ ตนอยากให้พวกเรามาพูดคุยกันว่าเอเปคควรจะทําอย่างไร เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และการพัฒนาที่ยั่งยืน

“จนถึงปัจจุบันเรายังคงต้องต่อสู้กับผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งถูกซ้ำเติมจากความท้าทายของสถานการณ์โลก ที่สําคัญไปกว่านั้น เรายังคงต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบ ไม่ใช่แค่ต่อภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก แต่รวมถึงความเป็นอยู่ของมวลมนุษยชาติทั้งหมด เราจึงจําเป็นต้องร่วมมือกันบรรเทาผลกระทบและปกป้องโลกของเรา เราไม่สามารถใช้ชีวิตแบบเดิมได้อีกต่อไป พวกเราต้องปรับมุมมองและเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตและการทําธุรกิจ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เศรษฐกิจ BCG วาระแห่งชาติ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ประเทศไทยได้นําแนวคิดเศรษฐกิจ BCG ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ มาเป็นยุทธศาสตร์ในการฟื้นฟูจากผลกระทบของโควิด-19 และเป็นแผนแม่บทสําหรับการพัฒนาและการเติบโตในระยะยาวที่เข้มแข็ง สมดุล ยั่งยืน และครอบคลุมเศรษฐกิจ BCG ผสานแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวเข้าด้วยกัน ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อสร้างคุณค่า เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า และส่งเสริมความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม

เศรษฐกิจชีวภาพเกี่ยวข้องกับการผลิตที่เน้นการนําเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าที่มาจากทรัพยากรและวัตถุดิบชีวภาพที่ใช้แล้วไม่มีวันหมดไป

เศรษฐกิจหมุนเวียน มุ่งให้เกิดระบบการผลิตและการบริโภคสินค้าและบริการแบบฟื้นสร้าง โดยมีการวางแผนตั้งแต่การออกแบบระบบที่ให้ความสำคัญกับการลดขยะและมลพิษ ในขณะเดียวกันก็พยายามใช้วัตถุดิบซ้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เศรษฐกิจสีเขียว ส่งเสริมพฤติกรรมที่มีความรับผิดชอบและแนวคิดเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ซึ่งสร้างผลกําไร ควบคู่ไปกับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า แนวทางเศรษฐกิจทั้งสามข้างต้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่สิ่งที่ทําให้แนวคิดเศรษฐกิจ BCG แตกต่างออกไปคือ การตระหนักว่าความท้าทายหลากหลายที่เราประสบอยู่เป็นเรื่องที่เชื่อมโยงและคาบเกี่ยวกัน ดังนั้นการแก้ปัญหาของเราจึงต้องไม่เป็นไปแบบแยกส่วน ด้วยเหตุผลนี้ เศรษฐกิจ BCG จึงให้ความสําคัญและผลักดันการใช้สามแนวทางเศรษฐกิจร่วมกันอย่างเป็นองค์รวม เพื่อผลลัพธ์ที่ทวีคูณและหลีกเลี่ยงผลลัพธ์ที่ได้อย่างเสียอย่าง

“การสร้างหุ้นส่วนความร่วมมือและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทําให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG เกิดผลที่เป็นรูปธรรมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนไทย เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และฟื้นคืนความสมดุลระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

4 เป้าหมายกรุงเทพฯ-ขยะเป็นศูนย์

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไทยเชื่อว่าแนวคิดเศรษฐกิจ BCG มีความเป็นสากล ดังนั้น ในวาระการเป็นเจ้าภาพเอเปค ปี 2565 ไทยจึงนําเสนอแนวคิดเศรษฐกิจ BCG เข้าสู่การพูดคุยกันในกรอบเอเปค เพื่อเป็นแนวทางไปสู่การบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนและสภาพภูมิอากาศ และทําให้ความพยายามของเอเปคในการขับเคลื่อนภูมิภาคไปข้างหน้า ตอบสนองต่อความท้าทายเร่งด่วนในปัจจุบัน

“บนพื้นฐานของแนวคิดเศรษฐกิจ BCG ไทยริเริ่มการจัดทําเป้าหมายกรุงเทพฯว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG เพื่อเป็นผลลัพธ์แห่งการจดจําสําหรับผู้นําเอเปคในปี 2565 เป้าหมายกรุงเทพฯ จะเป็นกรอบแนวทางผลักดันวาระด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนของเอเปคอย่างชัดเจน พลิกโฉม สมดุล และทะเยอทะยาน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เอกสารดังกล่าวมุ่งขับเคลื่อนงานภายใต้ 4 เป้าหมาย ได้แก่ 1.สนับสนุนความพยายามเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 2.ขับเคลื่อนการค้าและการลงทุนที่ยั่งยืน 3.ผลักดันการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และ 4.ปรับปรุงประสิทธิภาพของการใช้ทรัพยากรเพื่อลดขยะให้เป็นศูนย์

ขอฉันทามติรับรอง 21 ผู้นำเอเปค

“ไทยขอบคุณเขตเศรษฐกิจที่ให้การสนับสนุนเป้าหมายกรุงเทพฯว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG จนบรรลุฉันทามติด้วยดี ผมคาดหวังว่าพวกเราจะร่วมรับรองเอกสารสําคัญดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะเป็นมรดกสําคัญของเอเปค ปี 2565 เพื่อต่อยอดจากเป้าหมายกรุงเทพฯ ผมขอเสนอให้เราหารือกันว่าแนวคิดเศรษฐกิจ BCG จะสามารถแปลงวิสัยทัศน์และทิศทางตามที่ระบุในวิสัยทัศน์ปุตราจายาของเอเปค ค.ศ. 2040 และแผนปฏิบัติการ อาโอทีอาโรอา ไปสู่การดําเนินการที่เป็นรูปธรรม เพื่อสร้างการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนสําหรับประชาชนและคนรุ่นหลังของเราได้อย่างไร” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เอเปคต้องมองไปไกลกว่าการฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไปสู่การฟื้นสร้าง (Regenerative) สภาพแวดล้อมให้มีความยืดหยุ่นและเอื้อต่อการเจริญเติบโตที่ครอบคลุมและยั่งยืน ในฐานะกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจชั้นนําและแหล่งบ่มเพาะทางความคิด เอเปคมีทรัพยากรที่จะเร่งสร้างการเจริญเติบโตที่มีคุณภาพ เพื่อประโยชน์ที่มีผลเป็นรูปธรรมแก่ทุกคนในระยะยาว เราจะร่วมมือกันอย่างเป็นรูปธรรมได้อย่างไร เพื่อจูงใจภาคธุรกิจให้หันมาดําเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และเราจะส่งเสริมให้ประชาชนของเราปรับมุมมองและเปลี่ยนพฤติกรรมให้เป็นผู้บริโภคและพลเมืองของโลกที่มีความรับผิดชอบได้อย่างไร

“ผมได้รับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชนจากทุกท่าน บทเรียนจากการพัฒนาที่ไม่คํานึงถึงสิ่งแวดล้อม ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเรา ผมยินดีที่พวกเราเห็นพ้องกันว่า เราต้องใช้โอกาสการฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19 สร้างความเติบโตที่เข้มแข็ง สมดุล ครอบคลุม และยั่งยืน เอเปคจําเป็นต้องคํานึงถึงประเด็นด้านความยั่งยืนให้อยู่ในทุกอณูของทุกกลไกการทํางานในเอเปค เป้าหมายกรุงเทพฯ ที่พวกเราจะร่วมกันรับรองในวันพรุ่งนี้ จะเป็นเข็มทิศนําทางการดําเนินงานของเอเปคแบบเป็นองค์รวมและมีทิศทางที่ชัดเจน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว