ประชาธิปัตย์ เปิดนโยบายเลือกตั้ง 2566 แจกเงินประกัน 4.8 ล้านครัวเรือน

ประชาธิปัตย์แถลงนโยบาย

ประชาธิปัตย์แถลงนโยบายด้านการเกษตร รับเลือกตั้ง 2566 อุ้ม 30 ล้านคน ต่อยอดประกันรายได้-จ่ายส่วนต่าง เพิ่มเงินค่าเก็บเกี่ยว ไร่ละ 2,000 บาท ไม่เกิน 15 ไร่ ได้รับ 4.8 ล้านครัวเรือน เงินอุดหนุนประมง 100,000 บาทต่อปี ออกโฉนดที่ดิน 1 ล้านแปลง ธนาคารหมู่บ้าน-ชุมชน แห่งละ 2 ล้านบาททั้งประเทศ

วันที่ 13 มกราคม 2566 ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ปชป. และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ปชป. แถลงข่าวเปิดนโยบายพรรค ปชป. ซีซั่น 1 โดยมีผู้บริหารและแกนนำพรรค ปชป.ร่วมฟัง อาทิ นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค ปชป. และผู้อำนวยการเลือกตั้ง นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ปชป. และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์กรุงเทพมหานคร (กทม.) น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. และนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม.

นายจุรินทร์กล่าวว่า เหลือเวลาอีกเพียง 2 เดือน สภาจะครบวาระในวันที่ 23 มีนาคม 2566 ก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง เราได้แสดงความพร้อมตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ในการเตรียมการเกี่ยวกับตัวผู้สมัครและนโยยบาย ซึ่งในส่วนนโยบายได้เปิดยุทธศาสตร์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า หากพรรค ปชป.ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ยุทธศาสตร์หลักที่จะพาประเทศไปสู่อนาคตที่สดใสต่อไปคือ ยุทธศาสตร์ สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ

“วันนี้จะเป็นการเปิดตัว 8 นโยบายหลักด้านการเกษตรและพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนทั่วประเทศ รวมถึงกทม. ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้กับประเทศต่อไป และนำไปสู่การพัฒนาท้องถิ่นและชนบทต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายด้านการเกษตร ซึ่งเกษตรกรรมถือเป็นดีเอ็นดีของประเทศไทยและถือเป็นพื้นฐานเศรษฐกิจฐานรากที่สำคัญของประเทศต่อไป เพราะอย่างน้อยที่สุดก็มีประชากรจำนวนไม่ต่ำกว่า 50% ของคนไทยทั้งประเทศที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม” นายจุรินทร์กล่าว

นายจุรินทร์กล่าวว่า ส่วนงบประมาณจะมาจากไหน จะเรียนให้ทราบต่อไป แต่ตอนคิด คิดครบแล้ว และเป็นหน้าที่ของทุกพรรคการเมืองต้องแจ้ง กกต.ทราบ เรื่องที่มาของเงินไม่ต้องห่วง ประชาธิปัตย์คิดนโยบายทั้งหมดบนพื้นที่ของสิ่งที่ได้ทำมาแล้วส่วนหนึ่ง ทำได้จริงและอยู่บนพื้นฐานความรับผิดชอบ

นายเฉลิมชัยกล่าวว่า มีการประชุมคณะกรรมการจัดทำนโยบายอย่างต่อเนื่อง 2 ปีและมีการสุ่มสอบถามความพอใจ ซึ่ง 8 นโยบายด้านการเกษตรในวันนี้จะเป็นนโยบายเริ่มต้นที่จะสร้างฐานรากของสังคมไทย ซึ่งมีส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนที่เป็นรูปธรรม ไม่ใช่ต้องการเพียงแค่คะแนนเสียงเพียงอย่างเดียว แต่เราต้องการเห็นประเทศเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

เกี่ยวข้าวปั๊บรับ 3 หมื่น 4.8 ล้านครัวเรือน

นายเฉลิมชัยกล่าวว่า นโยบายที่ 1 เป็นนโยบายต่อเนื่องจากความสำเร็จของประชาธิปัตย์ในส่วนของการประกันรายได้ ซึ่งก็คือการประกันรายได้ จ่ายเงินส่วนต่าง ข้าว มัน ยาง ปาล์ม และข้าวโพด โดยรายละเอียดของการต่อยอดโครงการประกันรายได้นั้น จะเน้นในส่วนของเงินส่วนต่างให้กับพี่น้องเกษตรกร นโยบายที่ 2 เป็นนโยบายสำหรับพี่น้องเกษตรกรที่ปลูกข้าว ซึ่งมีอยู่ประมาณ 4.7-4.8 ล้านครัวเรือน ชาวนารับ 30,000 บาท ต่อ 1 ครัวเรือน

“ยืนยันได้ว่า วันนี้ประชาธิปัตย์ทำนโยบายตรงนี้เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวนาให้มีความสามารถในการพัฒนาตัวเอง มากกว่าที่จะให้เงินไปเพื่อให้เขาไปเลือกเรา นโยบายตรงนี้จะเป็นนโยบายที่สร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรชาวนา และเป็นการสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน” นายเฉลิมชัยกล่าว

นายเฉลิมชัยกล่าวว่า นโยบายที่ 3 ฟรีนมโรงเรียน 365 วัน เป็นที่ชัดเจนที่สุดว่าเรื่องนี้เป็นการพัฒนาเด็ก พัฒนาบุคลากรที่ประเทศชาติต้องใช้ในวันข้างหน้า และที่สำคัญที่สุดก็คือการที่จะให้เกษตรกรที่เลี้ยงโคนมนั้นสามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์โคนมให้กับเด็กไทย หลังจากที่ได้ทำมาแล้ว 280 วัน

เงินอุดหนุนประมง 1 แสนบาทต่อปี 2.8 พันแห่ง

นายเฉลิมชัยกล่าวว่า นโยบายที่ 4 ประมง วันนี้เรามีกลุ่มประมงที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ 2,800 กว่าแห่ง กลุ่มประมงเหล่านี้คือกลุ่มประมงที่เป็นฐานรากของประเทศ ดังนั้น นโยบายที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องการสร้างความเข้มแข็งในฐานราก ก็คือการให้เงินอุดหนุนกลุ่มเกษตรกรประมงกลุ่มละ 100,000 บาทต่อปี ทุกกลุ่ม ทั้ง 2,800 กว่ากลุ่ม

“ผมเรียนฝากไปถึงพี่น้องเกษตรกร ประมงได้เลยว่า ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลเมื่อไหร่ ท่านได้รับทันที ทั้ง 2,800 กลุ่ม วันนี้เราสามารถจัดสรรงบประมาณ ผมเป็นรัฐมนตรีขอได้แค่ประมาณปีละ 200 กลุ่ม ซึ่งผมคิดว่ามันไม่เพียงพอจะพัฒนาศักยภาพ เพราะฉะนั้นประชาธิปัตย์จึงมาคิดว่าจะทำอย่างไรให้กลุ่มประมงมีความเข้มแข็งในตัวเอง” นายเฉลิมกล่าว

นายเฉลิมชัยกล่าวว่า นโยบายที่ 5 ประมงพาณิชย์ เราจะปลดล็อกประมงพาณิชย์ ภายใต้ IUU วันนี้พี่น้องชาวประมงได้ร้องเรียนว่ามีความเดือดร้อน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์และสภาผู้แทนราษฎรก็รับฟัง มีการยื่นในการแก้ไขกฎหมายที่เป็นธรรม แต่การปลดล็อกตรงนี้ต้องอยู่ภายใต้ IUU เพราะว่าเรายังต้องอยู่กับสากล อยู่กับนานาประเทศ

นายเฉลิมชัยกล่าวว่า นโยบายที่ 6 ออกโฉนดที่ดิน 1 ล้านแปลง ภายใน 4 ปี ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาของพี่น้องที่ไม่มีที่ดินทำกิน อยู่ในที่รกร้างว่างเปล่า

นโยบายที่ 7 หากพี่น้องประชาชนที่ยังอยู่ในพื้นที่ที่ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐ และตรงนี้ประชาธิปัตย์มีนโยบายออกกรรมสิทธิ์ทำกินให้กับพี่น้องเกษตรกรที่อยู่ในที่ดินต่าง ๆ เหล่านี้ ซึ่งก็จะมีหลายส่วน หลายรูปแบบ

นายเฉลิมชัยกล่าวว่า นโยบายที่ 8 ธนาคารหมู่บ้านและชุมชน แห่งละ 2 ล้านบาททั้งประเทศ รวมทั้งในกรุงเทพมหานครทุกชุมชนด้วย ซึ่งจะเป็นการชัดเจนที่สุดว่า ความเข้มแข็งของประเทศต้องเกิดจากความเข้มแข็งของฐานราก เราแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ไม่ได้แก้ไขปัญหาโหวตเตอร์ในวันนี้ เพราะฉะนั้นนโยบายทั้งหมดในวันนี้จึงเป็นนโยบายส่วนหนึ่งที่เราเอามาเปิดให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบว่าประชาธิปัตย์จะทำอะไรให้ท่านบ้างในการเลือกตั้งครั้งหน้า

ซื้อใจเกษตรกร 30 ล้านคน

นายนิพนธ์ขยายเพิ่มเติมนโยบาย “เกี่ยวปั๊บรับ 3 หมื่น” ว่าเป็นส่วนของค่าเก็บเกี่ยว ซึ่งปัจจุบันชาวนาได้รับค่าเก็บเกี่ยวอยู่แล้วไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ต่อครัวเรือน แต่เอามาต่อยอด เป็นจ่ายค่าเก็บเกี่ยวเป็นไร่ละ 2,000 บาท ไม่เกิน 15 ไร่ต่อครัวเรือน โดยจะมีเงื่อนไขเพิ่มเติม เช่น มาตรการลดโลกร้อน

“4 ปีที่ผ่านมา พรรค ปชป.ดูแลกลุ่มเกษตรกรมาตลอด และเป็นภาคหลัก ซึ่งเกษตรกรภาคเกษตรทั้งหมด 9.7 ครัวเรือน ครัวเรือนละ 4 คน หรือมีคนอยู่ในภาคเกษตรกว่า 30 ล้านคน” นายนิพนธ์กล่าว


รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากการแถลงนโยบายสร้างเงินแล้ว นโยบายสร้างคนจะตามมาในช่วง 20 มกราคม เช่น ด้านการศึกษา สาธารณสุข และสวัสดิการตลอดชีวิต และสุดท้ายคือนโยบายสร้างชาติในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องประชาธิปไตยสุจริต ไม่เอาธนกิจการเมือง เรื่องการกระจายอำนาจ เมื่อแถลงนโยบายครบทั้ง 3 ยุทธศาสตร์แล้วจะแถลงใหญ่อีกครั้งในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ หรือไม่เกินวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ทั้งนี้ นายจุรินทร์กล่าวว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรค ปชป.จะส่งผู้สมัครจะส่งครบ 400 เขต