ทักษิณออนทัวร์ ให้สัมภาษณ์สื่อญี่ปุ่น บอกพร้อมกลับไทยรับโทษจำคุกภายในปีนี้หลังเลือกตั้ง อยากเลี้ยงหลาน ฟันธงเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง ได้ ส.ส.อย่างน้อย 250 ที่นั่ง แต่ต้องจับมือพันธมิตร เป็นรัฐบาลผสม
วันที่ 24 มีนาคม 2566 สำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่นรายงานว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พิเศษขณะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น โดยประกาศว่าเขาพร้อมที่จะรับโทษจำคุกในไทยแลกกับการที่จะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับครอบครัว ไม่ว่าผลการเลือกตั้งทั่วไปในไทยที่กำหนดจะมีขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ จะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
สำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น นายทักษิณมั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้ง โดยได้ที่นั่งอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของจำนวนที่นั่งทั้งหมด 500 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร เพราะประชาชนเบื่อรัฐบาลที่บริหารโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
“ถ้ายึดอำนาจหลังรัฐประหารแค่ 1 ปี แล้วปล่อยให้มีการเลือกตั้ง ประชาชนคงไม่รู้สึกแย่ แต่นี่ใช้เวลา 8 ปี แล้วยังขออีก 2 ปี ผมว่ามันเกินไป มันพิสูจน์ให้คนเห็นธาตุแท้ คือความกระหายที่จะยึดครองอำนาจ” ทักษิณกล่าว
แม้พรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้ง แต่ก็ยังต้องการพันธมิตรทางการเมือง กระนั้นก็ดีเขารับว่า เป็นเรื่องยากที่จะจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับผู้ทำรัฐประหาร ทั้งกับเขาและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีผู้เป็นน้องสาว
กระนั้นก็ดี เขาไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ที่พรรคเพื่อไทยจะจัดตั้งรัฐบาลผสมร่วมกับศัตรูทางการเมือง ซึ่งรวมถึงพรรคพลังประชารัฐ แต่มันอาจเป็นทางเลือกสุดท้าย ไม่ใช่ทางเลือกแรก และพรรคเพื่อไทยอาจไม่ต้องการความช่วยเหลือ เพราะขณะนี้มีสมาชิกวุฒิสภาหลายคนที่เป็นอิสระ และพร้อมที่จะลงคะแนนเสียงสนับสนุนพรรคที่ชนะการเลือกตั้้ง
เมื่อถามถึงผู้ที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย นายทักษิณกล่าวว่า แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวคนเล็กของเขาจะเป็น 1 ใน 3 รายชื่อร่วมกับนายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และสมาชิกพรรคอีกคน
โดยเขาเชื่อว่าบุตรสาวของเขาพร้อมสำหรับการแข่งขันทางการเมือง เพราะได้เรียนรู้เรื่องการเมืองจากเขาตั้งแต่อายุยังน้อย และแพทองธารจะทำได้ดีกว่าเขา หากเธอได้เป็นนายกรัฐมนตรี “เธอน่าจะดีกว่าผม เพราะใจเย็นกว่า อดทนกว่าที่ผมคิด และเธอมีความรู้มาก”
นอกจากนี้ นายทักษิณยังกล่าวอีกว่า กำลังพิจารณาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเดินทางกลับประเทศไทย ซึ่งอาจจะเป็นภายในปีนี้หลังการเลือกตั้ง และพร้อมที่จะรับโทษจำคุก โดยเขาหวังว่าจะยื่นอุทธรณ์ในบางคดี
“ตอนนี้ผมติดคุกใหญ่มา 16 ปีแล้ว เพราะพวกเขากีดกันไม่ให้ผมอยู่กับครอบครัว ผมทรมานมามากพอแล้ว ถ้าผมต้องไปทนทุกข์ในคุกเล็กอีก ก็ไม่เป็นไร แม้มันไม่ใช่ราคาที่ผมจำเป็นจะต้องจ่าย แต่ผมยอมจ่ายเพราะผมอยากอยู่กับหลาน ๆ ผมควรใช้เวลาที่เหลือในชีวิตกับลูก ๆ หลาน ๆ”
ขณะที่นายทักษิณยังให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Nikkei Asia ด้วยเช่นกันว่า คิดว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส.อย่างน้อย 250 คน และรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้งจะเป็นรัฐบาลผสม
“ผมเชื่อว่า มันจะเป็นรัฐบาลผสมอย่างแน่นอน”
เขาบอกว่า เขาไม่ได้ต้องการให้รัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้งนิรโทษกรรมและอนุญาตให้เขากลับประเทศไทย แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะทำผลงานได้แข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม แต่เขาบอกว่า เขาจะกลับประเทศไทยตามความพอใจของเขาเองในบางช่วงเวลา แม้ว่ามันอาจจะหมายถึงการที่เขาต้องรับโทษจำคุกก็ตาม
“ผมคิดถึงการกลับบ้านตลอดเวลา แต่ผมไม่ต้องการให้รัฐบาลนิรโทษกรรมให้ผม” เขากล่าว
ทักษิณปฏิเสธที่จะบอกว่าพรรคเพื่อไทยกำลัง “มีดีล” กับพรรคการเมืองอื่นเพื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่หรือไม่
“ผมเป็นแค่ผู้ก่อตั้งพรรค ไม่ใช่สมาชิกพรรคแล้ว ดังนั้นสิ่งที่ผมทำได้คือการเฝ้ามองการเลือกตั้งนี้จากแดนไกลเท่านั้น”
ทักษิณพูดถึงแพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็กของเขาซึ่งเป็นว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยว่า
“ตอนแรกผมคิดว่าเธอจะช่วยพรรคด้วยการเป็นแม่เหล็กดึงดูดความสนใจและความนิยมในหมู่ผู้สนับสนุนพรรคเท่านั้น แต่เธอเป็นผู้ใหญ่มาก จนผมคิดว่าเธอช่วยพรรคได้อย่างจริงจัง”
ขณะที่ เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 24 มีนาคม 2566 ที่ Studium One (จุฬา ซอย6) พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดกิจกรรม “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อคนกรุงเทพ” เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. 33 เขต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นกิจกรรมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.กทม. ได้มีผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม น.ส.แพทองธาร กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อญี่ปุ่นว่าจะขอกลับมารับโทษที่ประเทศไทย
โดย น.ส.แพทองธาร ไม่ตอบคำถาม เพียงแต่หันมามองหน้าผู้สื่อข่าวคนดังกล่าว แล้วหันกลับไปทักทายแฟนคลับ จากนั้นได้ขึ้นรถออกจากพื้นที่จัดกิจกรรมไปทันที
