เปิดความเป็นมาองคมนตรี 18 คน อำนาจหน้าที่และการดำรงตำแหน่ง

องคมนตรี

ล่าสุด 29 พฤศจิกายน 2566 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 29 เป็นองคมนตรี จากเดิมองคมนตรีมีทั้งสิ้น 18 คน รวมประธานคือ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ มีหน้าที่ถวายความเห็นต่อพระมหากษัตริย์ในพระราชกรณียกิจทั้งปวง ที่พระมหากษัตริย์ทรงปรึกษา

ในรัชสมัยปัจจุบัน การเลือกและการแต่งตั้งองคมนตรี เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย และบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ 2560 ทั้งนี้ สำนักงานองคมนตรี เป็นส่วนราชการในพระองค์ตามพระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560

สำหรับคุณสมบัติและหลักเกณฑ์ของการดำรงตำแหน่งองคมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มีดังนี้

มาตรา 10 พระมหากษัตริย์ทรงเลือกและทรงแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นประธานองคมนตรี คนหนึ่งและองคมนตรีอื่นอีกไม่เกินสิบแปดคนประกอบเป็นคณะองคมนตรี

คณะองคมนตรีมีหน้าที่ถวายความเห็นต่อพระมหากษัตริย์ในพระราชกรณียกิจทั้งปวง ที่พระมหากษัตริย์ทรงปรึกษา และมีหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

มาตรา 11 การเลือกและแต่งตั้งองคมนตรีหรือการให้องคมนตรีพ้นจากตําแหน่ง ให้เป็นไป ตามพระราชอัธยาศัย

ADVERTISMENT

มาตรา 12 องคมนตรีต้องไม่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือดํารงตําแหน่งทางการเมืองอื่น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ พนักงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าหน้าที่อื่น ของรัฐ หรือสมาชิกหรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง หรือข้าราชการเว้นแต่การเป็นข้าราชการในพระองค์ ในตําแหน่งองคมนตรี และต้องไม่แสดงการฝักใฝ่ในพรรคการเมืองใด ๆ

มาตรา 13 ก่อนเข้ารับหน้าที่ องคมนตรีต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ ด้วยถ้อยคํา ดังต่อไปนี้ “ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”

ADVERTISMENT

มาตรา 14 องคมนตรีพ้นจากตําแหน่งเมื่อตาย ลาออก หรือมีพระบรมราชโองการให้พ้นจากตําแหน่ง

รายชื่อ ประธานองคมนตรี-องคมนตรี

    1. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี
    2. นายเกษม วัฒนชัย
    3. นายพลากร สุวรรณรัฐ
    4. นายอรรถนิติ ดิษฐอำนาจ
    5. นายศุภชัย ภู่งาม
    6. พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข
    7. พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ
    8. พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา
    9. นายจรัลธาดา กรรณสูต
    10. พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์
    11. พลเรือเอก พงษ์เทพ หนูเทพ
    12. นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา
    13. นายอำพน กิตติอำพน
    14. พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท
    15. พลอากาศเอก จอม รุ่งสว่าง
    16. นายนุรักษ์ มาประณีต
    17. นายเกษม จันทร์แก้ว
    18. พลเอก บัณฑิตย์ มลายอริศูนย์
    19. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ประวัติความเป็นมาขององคมนตรี

สำนักงานองคมนตรี เป็นหน่วยงานที่มีประวัติความเป็นมาและพัฒนาการอันยาวนาน เริ่มตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ปรากฏตำแหน่งที่เรียกว่า “เคลิกออฟเคาน์ซิลลอร์” ในพระราชบัญญัติ ปรีวีเคาน์ซิลคือที่ปฤกษาในพระองค์ ซึ่งลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 1 วันอาทิตย์ เดือน 9 แรม 10 ค่ำ ปีจอฉศก จุลศักราช 1236 มีหน้าที่ในการจดรายชื่อจำนวนที่ปฤกษาราชการในพระองค์ การรับแจ้งกรณีที่ปฤกษาราชการในพระองค์จะเดินทางออกจากพื้นที่ปฏิบัติงาน และการร่างจดหมายเชิญประชุมที่ปฤกษาราชการในพระองค์

ต่อมาใน พ.ศ. 2470 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตรา “พระราชบัญญัติองคมนตรี” ขึ้นแทน “พระราชบัญญัติ ปรีวีเคาน์ซิลคือที่ปฤกษาในพระองค์” ซึ่งในมาตรา 10 ได้บัญญัติถึงตำแหน่ง “เลขาธิการองคมนตรี” ไว้ว่า

“พระเจ้าแผ่นดินจะได้ทรงตั้งข้าราชการในกรมราชเลขาธิการคนหนึ่งขึ้นไว้ในตำแหน่งเลขาธิการองคมนตรีเป็นเจ้าพนักงานประจำ มีหน้าที่เป็นผู้รักษาทะเบียนองคมนตรีและเป็นเลขาธิการของที่ประชุมสภากรรมการองคมนตรี” และมี “กองเลขาธิการองคมนตรี” เป็นส่วนราชการระดับกองในกรมราชเลขาธิการ ทำหน้าที่เกี่ยวกับองคมนตรีในช่วงก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 จนในที่สุดได้มีการตราประกาศยกเลิก พระราชบัญญัติองคมนตรี พุทธศักราช 2470 ส่งผลให้ตำแหน่งองคมนตรีถูกยุบเลิกไป และมีผลต่อการยุบเลิกข้าราชการ ในกองเลขาธิการองคมนตรีไปด้วย

ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อครั้งทรงดำรงพระราชอิสริยยศที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้มีการประกาศใช้ “รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492” ซึ่งในมาตรา 13 ได้บัญญัติถึงคณะองคมนตรีและหน้าที่ขององคมนตรี
ความว่า

“พระมหากษัตริย์ทรงเลือกและแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นประธานองคมนตรีคนหนึ่งและองคมนตรีอีกไม่มากกว่าแปดคน ประกอบเป็นคณะองคมนตรี คณะองคมนตรีมีหน้าที่ถวายความเห็นต่อพระมหากษัตริย์ในพระราชกรณียกิจทั้งปวงที่พระมหากษัตริย์ทรงปรึกษา และมีหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญนี้”

ซึ่งถือเป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับแรกที่บัญญัติถึงคณะองคมนตรีและหน้าที่ของคณะองคมนตรี จากนั้นได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ “หม่อมเจ้านิกรเทวัญ เทวกุล” ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะองคมนตรี ควบคู่กับตำแหน่งราชเลขาธิการ

“สำนักเลขาธิการองคมนตรี” ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกโดย “ประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 297” ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 12 ธันวาคม 2515 ซึ่งให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการสำนักราชเลขาธิการ พ.ศ. 2506 และให้แบ่งส่วนราชการสำนักราชเลขาธิการออกเป็น 6 กอง โดยมี “สำนักเลขาธิการองคมนตรี” เป็นส่วนราชการระดับกองเพิ่มขึ้นมาจากเดิม

และได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น “สำนักงานเลขาธิการคณะองคมนตรี” นับตั้งแต่มีการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการสำนักราชเลขาธิการ พ.ศ. 2518 เป็นต้นมา จวบจนกระทั่งเมื่อพระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2560 จึงใช้ชื่อว่า “สำนักงานองคมนตรี” ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์หน่วยหนึ่งในทั้งหมด 3 หน่วยราชการในพระองค์

ปัจจุบันสำนักงานองคมนตรี เป็นส่วนราชการในพระองค์ตามพระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 มีหน้าที่สนับสนุนภารกิจขององคมนตรีในการปฏิบัติหน้าที่ถวายพระมหากษัตริย์และการอื่นตามพระราชอัธยาศัย โดยมีเลขาธิการองคมนตรีซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งตามพระราชอัธยาศัย เป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบการปฏิบัติราชการ