
แม้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคก้าวไกล เพื่อเปิดทางให้เลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ เพื่อทำหน้าที่ “ผู้นำฝ่ายค้าน” ภายหลังถูกคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยเรื่องการถือหุ้นไอทีวี
“เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกำหนดให้ ‘ผู้นำฝ่ายค้าน’ จำเป็นต้องเป็น สส. ที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคของพรรคฝ่ายค้านอันดับ 1 และปัจจุบันผมยังอยู่ภายใต้คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. ผมจึงยังไม่สามารถเข้าไปทำงานในสภาผู้แทนราษฎร และไม่สามารถจะดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านได้ในระยะเวลาอันใกล้”
“ขณะเดียวกัน ผมได้หารือกับคณะกรรมการบริหารและ สส. ของพรรคก้าวไกลแล้วเห็นว่า บทบาท ‘ผู้นำฝ่ายค้าน’ มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อระบบรัฐสภา และสมควรเป็นบทบาทที่รับผิดชอบโดยหัวหน้าพรรคของพรรคฝ่ายค้านหลักในสภา ซึ่งตอนนี้คือพรรคก้าวไกล ‘ผู้นำฝ่ายค้าน’ จะเปรียบเสมือนหัวเรือที่กำกับทิศทางการทำหน้าที่ในสภาของฝ่ายค้าน เพื่อตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลและผลักดันวาระการเปลี่ยนแปลงที่ยังตกหล่นจากนโยบายของรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด”
“ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล ณ ขณะนี้ เพื่อเปิดทางให้พรรคเลือก สส. ที่สามารถทำหน้าที่ ‘ผู้นำฝ่ายค้าน’ ในสภา ขึ้นมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคแทนที่ผม”
ทว่าการลาออกของ “พิธา” ก็ไม่อาจ “เพียงพอ” ที่จะทำให้เก้าอี้ “ผู้นำฝ่ายค้าน” ตกเป็นของคนในพรรคก้าวไกล ไม่ว่า “พิธา” จะลาออก หรือไม่ลาออกจากหัวหน้าพรรคก็ตาม
ก็เพราะรัฐธรรมนูญ มาตรา 106 กำกับไว้ชัดว่า ภายหลังที่คณะรัฐมนตรีเข้าบริหารราชการแผ่นดินแล้ว พระมหากษัตริย์ จะทรงแต่งตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองในสภาผู้แทนราษฎรที่มีจํานวนสมาชิกมากที่สุด และสมาชิกมิได้ดํารงตําแหน่งรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้นําฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
แปลความจากเนื้อกฎหมาย เงื่อนไขของ “ผู้นำฝ่ายค้าน” คือ จะต้องเป็น หัวหน้าพรรค ของพรรคที่มี สส.มากที่สุด โดยที่พรรคการเมืองนั้นจะต้องไม่มีคนเป็น “รัฐมนตรี” ไม่ต้องมีคนเป็น ประธานสภา หรือ รองประธานสภา
แต่สำหรับกรณีของพรรคก้าวไกล ปรากฏว่า หมออ๋อง “ปดิพัทธ์ สันติภาดา” มีตำแหน่งเป็นรองประธานสภาคนที่ 1 พรรคก้าวไกลจึงไม่เข้าเงื่อนไขตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 106 กำหนด
วิษณุ เครืองาม กล่าวไว้เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ขณะยังเป็นรองนายกรัฐมนตรี ดูแลกฎหมายให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงการที่พรรคก้าวไกลจะมีผู้ทำหน้าที่ “ผู้นำฝ่ายค้าน” ว่า…
“ถ้าจะต้องเป็นผู้นำฝ่ายค้าน (นายปดิพัทธ์) ก็ต้องลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภา”
ขณะที่ ปดิพัทธ์ กล่าวเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ยืนยันจะไม่ลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภา
“ก็ไม่ได้มีรัฐธรรมนูญ หรือข้อบังคับสภาบอกไว้ว่าต้องย้ายหรือต้องเปลี่ยน”
ดังนั้น ถ้าพรรคก้าวไกล ต้องการมี “ผู้นำฝ่ายค้าน” แค่ “พิธา” ลาออกคนเดียวคงไม่พอ
เกมจึงไปกดดัน “หมออ๋อง-ปดิพัทธ์” ว่าจะยอมทิ้งเก้าอี้รองประธานสภาหรือไม่