เศรษฐา กลับถึงเมืองไทย ถกปมสงครามอิสราเอล-ฮามาส ทันที

เศรษฐา ทวีสิน

เศรษฐา ตรงดิ่งเข้ากระทรวงการต่างประเทศ หลังถึงเมืองไทย รับฟังสรุปสงครามอิสราเอล-ฮามาส

วันที่ 12 ตุลาคม 2566 ที่ห้องวิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธานการประชุมเพื่อเตรียมการอพยพคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานณ์ความไม่สงบในรัฐอิสราเอล ครั้งที่ 5/2566

โดยมี นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การต่างประเทศ นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.การต่างประเทศ ปลัดกระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

โดย นายณัฐพล ขันธหิรัญ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวรายงานว่า ในส่วนศูนย์ประสานงานวันนี้สถานการณ์เข้าสู่วันที่ 6 การประชุมมีเรื่องสำคัญ 3 เรื่อง 1.อัพเดตข้อมูลสถานการณ์ทั้งหมดในอิสราเอลซึ่งจะมีตัวเลขของผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้ที่ถูกจับกุม 2.จะเป็นเรื่องการอพยพคนไทย จนถึงวันนี้เป็นครั้งแรกที่มีการอพยพและเดินทางกลับถึงไทย และ 3.เรื่องการดูแลและการดำเนินการที่เกี่ยวกับผู้ถูกจับกุม

จากนั้น น.ส.พรรณภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ รายงานล่าสุดข้อมูลคนไทยในอิสราเอลตามที่ได้รับจากสถานเอกอัครราชทูต ณ เทลอาวีฟ สถานะ ณ วันที่ 11 ต.ค. 2566 มีผู้เสียชีวิต 21 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บ 14 ราย ผู้ถูกควบคุมตัว 16 ราย และคนลงทะเบียนแสดงความจำนงกลับไทย 5,990 คน

Advertisment

ซึ่งตั้งแต่เมื่อคืน (11 ต.ค.) จนถึงวันนี้ (12 ต.ค.) ยังคงมีการโจมตีระหว่างกันด้วยจรวดอยู่บ้าง และในวันนี้ ก็ยังมีการยิงระเบิดเข้ามาในพื้นที่ฉนวนกาซา เวสต์แบงก์ และทางเหนือของอิสราเอล เป็นระยะ

นอกจากนี้ ที่ประชุมมีการรายงานความคืบหน้ากรณีผู้ได้รับบาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต รวมถึงการอพยพคนไทย ซึ่งวันนี้เป็นวันแรกที่มีการอพยพและจากอิสราเอลเดินทางกลับมายังประเทศไทย รวมถึงความคืบหน้าในการดำเนินการช่วยเหลือ แรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกัน

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 13 ต.ค. เวลา 08.45 น. นายกรัฐมนตรี หารือกับนางสาวออร์นา ซากิฟ (H.E.Ms. Orna Sagiv) เอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล และภายหลังการหารือ นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ที่บริเวณทางเชื่อมตึกไทยคู่ฟ้ากับตึกสันติไมตรี