นายกรัฐมนตรีเข้าใจเสียงสะท้อนประชาชน ต้องการเงินดิจิทัลวอลเลต อยากให้หน่วยงานอื่นได้ยินด้วย
วันที่ 3 มีนาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าให้ดำเนินการโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเลต 1 หมื่นบาท หลังมีเสียงเรียกร้องจากชาวบ้านว่า เข้าใจ เพราะทุกคนก็มีความประสงค์ และอันนี้เป็นจุดหนึ่งที่สะท้อน ตนได้ยินแล้ว แต่หน่วยงานอื่นก็อยากให้ได้ยินด้วยเหมือนกัน ซึ่งตนเองกำลังคอยข้อมูลอยู่ และได้มีการตั้งคณะกรรมการไปเรียบร้อยแล้ว กำลังคอยข้อมูลจากหน่วยงานที่เราสอบถามไป ส่วนรายละเอียดนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง จะเป็นผู้แถลงเอง
- เปิด 10 อันดับที่ดินต่างจังหวัด แพงสุดในประเทศไทย
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 พ.ค. ย้อนหลัง 10 ปี
- กรมอุตุฯเตือน รับมือฝนตกหนักอีกรอบ 17-19 พ.ค.นี้ หนักสุดถึง 70% ของพื้นที่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะได้ยินเสียงประชาชนตะโกนตรงนี้หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่าตนไม่ทราบ หากอยากทราบรายละเอียดอะไรมากกว่านี้ เดี๋ยวนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง จะเป็นคนแถลง ซึ่งคนตระหนักดีถึงความต้องการอยู่แล้ว
ส่วนกรณี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตผู้ว่าฯ ธปท. ออกมาระบุว่าการที่นายกฯ เรียกร้องให้ลดอัตราดอกเบี้ยจะมีผลทำให้เงินทุนไหลออก นายเศรษฐากล่าวว่ามันก็มีทั้งบวกและลบหลาย ๆ อย่าง ท่านเองเป็นอดีตผู้ว่าฯ ธปท.มา และเป็นอดีตรองนายกฯ ที่ดูแลเศรษฐกิจมา ท่านพูดอะไรตนก็รับฟัง
แต่ก็มีมุมมองหนึ่ง ถ้าเงินทุนไหลออกในปริมาณที่เหมาะสมของเงินทุนไหลออก ก็ทำให้บาทอ่อน แล้วบาทอ่อนส่งออกดีหรือไม่ เราพึ่งการส่งออก 60% ของจีดีพี บาทอ่อนคนเข้ามาท่องเที่ยวเยอะขึ้นหรือไม่ ก็น่าจะเยอะขึ้น ใช่หรือไม่ ก็ดี 1 ดอลลาร์ของเขากลายเป็น 36-37 บาท เขาก็มีเงินเยอะขึ้นในกระเป๋ามาจับจ่ายใช้สอย ซื้อผลิตภัณฑ์จาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มากยิ่งขึ้น ไปเที่ยวเมืองรองมากยิ่งขึ้น ก็ยิ่งดี มันก็มีหลายมุมมอง เพราะจริง ๆ แล้วเศรษฐศาสตร์ก็เป็นศาสตร์อันหนึ่งซึ่งมีความหลากหลาย มันไม่ใช่ตัวเลข 1+1 เป็น 2 ซึ่งก็รับฟังท่าน
นายเศรษฐายังตอบคำถามถึงราคาทองที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ว่า เห็นว่าตอนนี้ราคาทองสูงสุด ก็รู้แค่นี้ ก็ดีใจกับคนที่มีทองด้วย