ชัยธวัช VS เศรษฐา อภิปราย 152 แลกคนละหมัดประเทศก้าวหน้า หรือถอยหลัง

การอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 152 ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน แม้เป็นการไม่ลงมติ แต่ก็ดุเดือดตั้งแต่เริ่มต้น

เมื่อ ชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดฉาก ซัดรัฐบาลเศรษฐา “บริหารประเทศปล่อยปะละเลย ไร้ประสิทธิภาพ เอื้อนายทุนกลุ่มใหญ่ ทำประชาชนสิ้นหวัง”

ชัยธวัชอภิปรายว่า แถลงญัตติว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง ได้บริหารราชการแผ่นดินมาเป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้ว แต่ไม่ได้ดำเนินการหรือปฏิบัติตามคำมั่นสัญญา ที่ได้ให้ไว้กับประชาชนไม่จริงใจ ไม่ตั้งใจ เพิกเฉยต่อคำแถลงนโยบายที่ให้ไว้ต่อรัฐสภา

ขาดประสิทธิภาพหรือความชัดเจนแน่นอน ยังไม่มีการขับเคลื่อนนโยบายหรือแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม นโยบายเร่งด่วนสวนทางกับความเป็นจริง การดำเนินการของรัฐบาลตามนโยบายเร่งด่วนที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาหนี้สินในภาคเกษตร ภาคธุรกิจและภาคประชาชน การลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพลังงานของประเทศ การกระตุ้นเศรษฐกิจ การแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการฟื้นฟูหลักนิติธรรมที่เข้มแข็งมีประสิทธิภาพโปร่งใสและเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศล้วนขาดยุทธศาสตร์และการปฏิบัติที่ตรงเป้าหมาย

ครม. พฤติกรรมทำลายความเชื่อมั่น

นอกจากนี้ นายกฯและ ครม.ยังมีพฤติกรรมทำลายความเชื่อมั่นในการบริหารประเทศ รัฐบาลปล่อยปะละเลย ให้มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลเอารัดเอาเปรียบประชาชน ระบบราชการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบหรือเกิดการคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย แทนที่จะเร่งฟื้นฟูหลักนิติธรรม หลักนิติรัฐ กลับเกิดการเลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรม ทำลายความเสมอภาคเท่าเทียมทางกฎหมายและการเมือง ไม่จริงใจต่อการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น

Advertisment

การลดความเหลื่อมล้ำ การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน การปฏิรูปกองทัพ การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ปัญหาการศึกษา และปัญหาสิ่งแวดล้อม การดำเนินการแก้ไขปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด และความเดือดร้อนของประชาชนมีความผิดพลาด ไร้ความสามารถในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน การดำเนินนโยบายต่างประเทศยังไม่สามารถฟื้นฟูบทบาทสำคัญของประเทศไทยในเวทีโลกได้

“หากปล่อยปละเลยให้รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินอย่างไร้ประสิทธิภาพ ไร้ความสามารถ ไร้เป้าหมาย ไร้จริยธรรม และไร้วุฒิภาวะต่อไป จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นฟูสภาวะทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ตามที่พี่น้องประชาชนคาดหวังจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา จากสถานการณ์ที่กล่าวมาจึงมีความจำเป็นที่ สส.ในฐานะผู้แทนฯจะได้นำเสนอสภาพปัญหา ข้อเสนอแนะและซักถามข้อเท็จจริงต่อ ครม. เพื่อประโยชน์ในการดำเนินนโยบายและแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน หวังว่าการอภิปรายครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล”

ครม.สมบัติผลัดกันชม

ชัยธวัชฉายภาพว่า หลังการเลือกตั้งประชาชนต่างคาดหวังว่าเราจะได้ผู้นำประชาเทศคนใหม่ที่ต่างไปจากท่านผู้นำหลังการรัฐประหาร แต่เวลาผ่านไปเรากลับพบว่าได้นายกฯที่ไร้วุฒิภาวะไปอีกแบบ หลายครั้งท่านก็สับสนว่าท่านเป็นใคร ท่านมีอำนาจทำอะไรได้บ้าง ขาดภาวะผู้นำในการที่จะสร้างความเชื่อมั่นและความชัดเจนในทิศทางของรัฐบาล และยังมีวิธีคิดในการจัดตั้ง ครม.แบบเดิม ๆ ที่จัดสรรกันตามโควตา สมบัติผลัดกันชม

แทนที่จะสรรหาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสมในการเข้ามาบริหารกระทรวงต่าง ๆ เห็นรัฐมนตรีหลายท่านในการจัดตั้ง ครม.แล้วประชาชนสิ้นหวัง พอรัฐบาลชุดนี้บริหารประเทศมากว่าครึ่งปี ประชาชนคาดหวังที่จะได้เห็นนโยบายในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ปากท้องดีขึ้น แต่สิ่งที่พบคือการดำเนินนโยบายที่สับสน คิดไปทำไป นโยบายเรือธง ของรัฐบาลขาดยุทธศาสตร์และแนวทางที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม ตรงเป้าหมาย

Advertisment

บริหารเอื้อประโยชน์ทุนผูกขาด

แทนที่ประชาชนจะได้เห็นการบริหารราชการแผนดินที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้ลืมตาอ้าปากอย่างเสมอภาคเท่าเทียมเป็นธรรม กลับเห็นการส่งเสริมระบบเศรษฐกิจผูกขาด เอื้อประโยชน์ต่อทุนใหญ่เต็มไปหมด หลายนโยบายแอบอ้างประชาชนบังหน้า แต่เบื้องหลังเนื้อในกลับเต็มไปด้วยกการฉ้อฉลเชิงนโยบาย เปิดทางให้รัฐมนตรีและพวกพ้องแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบอย่างหน้าอาย

“หลังการเลือกตั้งหลังมีรัฐบาลใหม่ประชาชนคาดหวังจะเห็นระบบการเมืองที่นำพาชาติ และประชาชนเดินไปข้างหน้า ไปสู่อนาคตที่ดีกว่า แต่สิ่งที่เราเจอ สิ่งที่เราได้กลับกลายเป็นประชาธิปไตยแบบไหลย้อนกลับ ที่ผู้นำและผู้มีอิทธิพลทางการเมืองได้คืบเอาศอก พยายามผูกขาดอำนาจทั้งการเมืองและเศรษฐกิจให้อยู่ในมือของชั้นนำไม่กี่กลุ่ม แทนที่เราจะเห็นการยกระดับทางการเมืองเดินไปข้างหน้า สกัดการเมืองแบบเก่าเพื่อสร้างการเมืองแบบใหม่ เรากลับเจอกับการเมืองที่พยายามทำลายสิ่งใหม่เพื่อรักษาสิ่งเก่า สภาวะทั้งหมดที่ผ่านมาทำให้เราตกอยู่ในสถานการณ์การเมืองที่ไม่สามารถตอบสนองกับความคิดแบบใหม่ของพี่น้องประชาชน ในยุคสมัยใหม่ได้”

เศรษฐา ยัน ประเทศมีหวัง พัฒนาแทน ปฏิรูป

ด้าน เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ใช้สิทธิชี้แจงทันที เริ่มต้นมาท่านก็พูดแรงพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสิ้นหวัง ล้มเหลว ไม่โปร่งใส ไม่ปฏิรูป ถอยหลัง ปิดบัง ทำลาย แต่ว่าก็มีอีกด้านเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของมีหวัง สำเร็จ สิทธิ พัฒนา แทนที่จะเป็นปฏิรูป ส่วนที่บอกว่าถอยหลัง ก้าวหน้า วกวน เราก็เดินหน้าไป เรามีความโปร่งใส ตนเชื่อว่าหลายอย่างที่รัฐบาลทำอยู่ก็พยายามทำให้เป็นเรื่องบวก เป็นเรื่องของอนาคต และแสงสว่าง ที่พี่น้องประชาชนจะได้เห็น แต่หากท่านยังมีข้อกังขาในเรื่องของความไม่โปร่งใส ไม่สำเร็จถดถอยก็บอกมา ตนเชื่อว่ารัฐมนตรีทุกท่านพร้อมที่จะชี้แจง

การที่เราทำงานมา 6 เดือน มีการอนุมัติงบประมาณไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เรามั่นใจว่าเราทำงานด้วยความซื่อสัตย์โปร่งใสเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง และพร้อมให้ความกระจ่างกับท่านสมาชิกที่ยังไม่มีความเข้าใจกับเรื่องเหล่านี้ ท่านพูดมาหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องหนี้สินหรือการบริหารจัดการ ซึ่งรัฐบาลมีการตั้งคณะทำงานเข้ามาดูแลเรื่องหนี้นอกระบบ หนี้เกษตรกรก็มีการพักหนี้ไม่ได้เพิกเฉยหรือไม่ได้ดูแลพี่น้องเกษตรกร เรื่องของพลังงานก็มีการดูแลเรื่องราคาเบนซิน ราคาค่าไฟ ค่าน้ำมันดีเซล ซึ่งมีขั้นตอนในการที่ดำเนินการต่อไป

ตรงนี้ก็ไม่ได้เพิกเฉยหรือนิ่งนอนใจ เราตระหนักดีถึงเรื่องนี้ เรื่องปัญหายาเสพติดก็มีการทำงานอย่างชัดเจน มีคณะทำงานที่ประกอบด้วย สำนักตำรวจแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข กระบวนการยุติธรรมต่าง ๆ โดยไตรมาส 4 ปีที่แล้ว มีการจับยาบ้าได้มากกว่าปีก่อนหน้านั้นทั้งปี จึงเป็นหนึ่งในข้อพิสูจน์ว่าเราทำงาน และกวดขันเรื่องนี้อย่างดี

เรื่องของการท่องเที่ยว เราทำให้ประชาชนมีรายได้เข้ากระเป๋ามากขึ้น จากการดำเนินการหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นวีซ่าฟรีของคนจีน ที่ทำให้การค้าระหว่างประเทศ นักธุรกิจ นักท่องเที่ยวเดินทางได้สะดวกมากขึ้น และในประเทศต่าง ๆ ก็จะมีการยกระดับต่อไป โดยในส่วนของ

รมว.ต่างประเทศ ก็มีความพยายามทำให้พาสปอร์ตไทยมีคุณค่ามากขึ้น อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าทุกท่านทราบดีว่าเรื่องเหล่านี้ต้องใช้เวลา แต่การพัฒนาในเรื่องนี้ก็เป็นไปในทิศทางที่ดี พี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด

เรื่องฝุ่น PM 2.5 รัฐบาลนี้ก็มีการเสนอร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด แม้ว่าในอดีตหรือในปัจจุบัน จ.เชียงใหม่ จะยังมีปริมาณฝุ่นสูงติดอันดับโลก แต่หากท่านเปรียบเทียบระหว่างปีที่ผ่านมากับปีนี้ จำนวนฮอตสปอตต่าง ๆ ลดลงอย่างมาก แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ยิ่งหย่อนที่จะทำงานโดยให้ความสำคัญกับสิทธิพื้นฐานของพี่น้องประชาชนทุกคน

ไปต่างประเทศเต็มไปด้วยคุณภาพ

นายเศรษฐา ยังกล่าวถึงเรื่องที่เราไปมีตัวตนบนเวทีโลก หลายท่านวิจารณ์ว่าตนเดินทางไปต่างประเทศบ่อย ต้องขอชี้แจงว่าจาก 10 กว่าครั้ง เกือบครึ่งหนึ่งเป็นเรื่องที่เราควรจะต้องไป เป็นเรื่องของอาเซียน และเรื่องที่มีการประชุมกันเป็นประจำอยู่แล้ว เราเป็นน้องใหม่เป็นผู้นำที่เพิ่งเข้าสู่ตำแหน่ง จึงต้องไปพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนนโยบายซึ่งกันและกัน เพื่อที่จะให้ประเทศไทยมีตัวตนบนเวทีโลก แต่ละที่ที่ไปเต็มไปด้วยคุณภาพ และเต็มไปด้วยขั้นตอนต่อไป ที่เราสามารถนำมาเป็นประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนทุกคนได้ การเจรจาเอฟทีเอก็มีผลสัมฤทธิ์ และกำลังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ตรงนี้เป็นตัวอย่างคร่าว ๆ

“ทุกเรื่องต้องใช้เวลา รัฐบาลเพิ่งเข้ามาบริหารจัดการประเทศได้เพียง 7 เดือนเท่านั้น เชื่อว่าทุกท่านทำงานหนัก รัฐมนตรีทุกท่านมีความปรารถนาดีต่อพี่น้องประชาชน หากท่านมีข้อเสนอแนะอะไรดี ๆ ก็รับฟัง หากมีข้อกล่าวหาอะไรก็ขอหลักฐานขอเหตุผล ส่วนเรื่องของกระบวนการยุติธรรม เชื่อว่าประเทศไทยหลังจากมีการเลือกตั้ง เรามีความก้าวหน้าไปสู่ประชาธิปไตยที่ดีขึ้น รัฐบาลยินดีรับฟังรับข้อเสนอจากสมาชิกผู้ทรงเกียรติทุกท่าน และรัฐมนตรีทุกท่านพร้อมให้ความกระจ่างในทุก ๆ เรื่อง แต่หากเป็นเรื่องที่กล่าวโทษกล่าวหาก็ขอหลักฐานมาบ้าง เราจะได้ไปทำงานกันได้“ นายกฯกล่าว