ภูมิธรรม ไม่หนักใจ ได้คุมกลาโหมเพิ่ม มั่นใจทำงานกับทหารได้

ภูมิธรรม

นายกฯ มอบ ภูมิธรรม คุม 4 กระทรวง บวก กรมประชาสัมพันธ์ – สปน. – สลค. ไม่หนักใจได้ดูกลาโหมเพิ่ม ทำงานร่วมกับทหารได้ ไม่มีปัญหา

วันที่ 7 พฤษภาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 166/2567 เรื่องมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้รับมอบหมายและมอบอำนาจให้กำกับการบริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรี ดังนี้

1.กระทรวงกลาโหม, 2.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, 3.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, 4.กระทรวงพาณิชย์, 5.สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) , 6.สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.), 7.กรมประชาสัมพันธ์ และ 8.สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค

ขณะที่ได้มอบหมายและมอบอำนาจให้กำกับการบริหารราชการและสั่งและปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ดังนี้ 1.ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้, 2.สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ, 3.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ทั้งนี้ สำหรับการมอบหมายให้กำกับดูแลองค์การมหาชนและหน่วยงานของรัฐ ดังนี้

1.สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน), 2.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก, 3.สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม, 4.สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ

Advertisment

ส่วนการลงนามรับสนองพระบรมราชโองการและลงนามในประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการมีพระบรมราชโองการในเรื่องตามข้อ 1.1 ถึงข้อ 1.3 ยกเว้นเรื่องที่ 1.เกี่ยวกับกฎหมาย, 2.การสถาปนาพระอิสริยยศ อิสริยศักดิ์ สมณศักดิ์, 3.การแต่งตั้งในกรณีการแต่งตั้งประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด ข้าราชการตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงและกรม เอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศ กงสุล และกรรมการที่มีตำแหน่งหน้าที่สำคัญ,

4.การพระราชทานยศทหาร ตำรวจ ชั้นนายพล, 5.การพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์แก่พระบรมวงศานุวงศ์ และการพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ประจำปี, 6.การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตหรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการประกาศใช้ความตกลงระหว่างประเทศ และ 7.เรื่องสำคัญที่เคยมีประเพณีปฏิบัติให้เสนอนายกรัฐมนตรีลงนาม

ด้านนายภูมิธรรม กล่าวถึงการแบ่งงานใหม่ที่ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลกระทรวงกลาโหม ว่า นายกรัฐมนตรีดูภาพรวมใหญ่อยู่แล้ว ซึ่งในส่วนของตนที่ดูคณะกรรมการต่างๆ ก็มีความเกี่ยวพันอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม การแบ่งงานคงไม่ได้ระบุชัดเจนตามโครงสร้างหลักการว่าใครดูอะไรต้องดูแค่ส่วนนั้น แต่ตนคิดว่าดูตามเงื่อนไขความพร้อมสถานการณ์ในขณะนั้น ซึ่งตนไม่ได้หนักใจอะไร เพราะในส่วนของกระทรวงกลาโหมผู้นำเหล่าทัพมีศักยภาพในการดูแลอยู่แล้ว เราเป็นนักบริหารก็ทำหน้าที่ประสานงานและสนับสนุนให้เกิดการแก้ปัญหาที่ดีขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุผลที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายงานในส่วนกลาโหมให้ดูแลเพราะเป็นนักการเมืองที่สามารถพูดคุยกับทหารได้ด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตรงนี้คงถามตนไม่ได้ ต้องถามท่านอื่น ๆ แต่สำหรับตนเป็นคนที่ทำงานกับทุกคนได้ โดยใช้วิธีการทำงานที่รับฟังสิ่งต่าง ๆ

Advertisment

และการมีส่วนร่วม ซึ่งการเป็นนักการเมือง รัฐมนตรี คือนักบริหารต้องดูแลได้ทุกกระทรวง เพราะเราไม่ใช่เป็นคนไปทำเองทั้งหมด แต่แค่รับฟังด้วยความเข้าใจและตัดสินใจไปในส่วนที่ควรจะเป็น จึงไม่น่าหนักใจอะไร หากได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ตรงนี้จริง ๆ ก็จะทำให้ดีที่สุด

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีมีปัญหาอะไรหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่มี นายกรัฐมนตรีดูภาพรวมทั้งหมด ในส่วนของการแบ่งงานนายกรัฐมนตรีแบ่งทุกคนให้ดูเกือบทั้งหมดที่นายกรัฐมนตรีดู เพียงแต่ว่าเมื่อถึงเวลานายกรัฐมนตรีก็ลงมาตัดสินใจได้ ไม่มีปัญหา การที่ทำทั้งหมดก็ทำภายใต้นายกรัฐมนตรี

เมื่อถามว่า มีข้อสังเกตว่าการมอบหมายให้ดูกระทรวงกลาโหมเพื่อสกัดการรัฐประหาร นายภูมิธรรม หัวเราะก่อนตอบว่า “ผมโดนจี้ โดนอะไรไป แต่ตอนนี้คงไม่ต้องพูดเรื่องรัฐประหารแล้ว ขณะนี้เราเป็นรัฐบาลพลเรือนที่ทำงานกับทุกฝ่าย แล้วเชื่อว่าเราทำงานกับฝ่ายทหารได้ เชื่อว่าท่านก็รักประเทศชาติเหมือนกัน เราทำงานร่วมกันก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร“

เมื่อถามว่า หมายความว่าเชื่อว่าจะไม่มีการรัฐประหารเกิดขึ้นอีกใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราไม่ใช่คนทำรัฐประหาร เราเป็นรัฐบาลที่ตั้งใจทำงานให้ประเทศ และรู้จักที่จะประสานงาน รับฟังภาคส่วนต่าง ๆ เราไม่เคยคิดที่จะเข้าไปล้วงลูกข้าราชการประจำ เพราะรัฐบาลเป็นคนกำกับเชิงนโยบายที่แถลงต่อสภาฯ ดังนั้น ทุกอย่างเราจึงดำเนินการไปตามนั้น หากติดขัดอะไรก็คุยกัน ตนเชื่อว่าหากเรามีการบริหารแบบรู้จักที่จะพูดคุย ประสานงานทุกอย่างจะไม่มีปัญหา ซึ่งตนยึดหลักนี้มาตลอด

นายภูมิธรรม ยังกล่าวอีกว่าการปรับเปลี่ยนรองนายกฯ 2 คน คือ นายพิชัย ชุณหวชิร ซึ่งดูงานด้านเศรษฐกิจก็หนักอยู่แล้ว ขณะที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ก็ดูงานด้านคมนาคม ก็หนักเช่นกัน ที่เหลือตนก็ช่วยดูแลไป พร้อมเปรียบตัวเองเป็น รัฐมนตรีเป็ด อาจจะเป็นเป็ดกองก็ได้ ซึ่งไม่หนักใจ เขาให้มาทำงาน มีงานให้ทำก็ทำ