สุริยะรับเสียน้ำตา “นายกฯเศรษฐา” พ้นตำแหน่ง มอง “แพทองธาร” เหมาะสมนั่งนายกฯ-จำเป็นมาช่วยและไม่ขัดข้อง-ชี้ รธน.60 ระยะยาวจะเป็นอุปสรรค เล็งแก้ไข-หานักกฎหมายนั่งเก้าอี้ รมต. ยัน “แลนด์บริดจ์” เดินหน้าต่อ 100%
วันที่ 15 สิงหาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงนายเศรษฐา ทวีสิน ที่พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ว่า ตนก็เสียน้ำตาเหมือนกับ สส.ของพรรคเพื่อไทยหลายคน เนื่องจากตนทำงานใกล้ชิดกับนายเศรษฐา ผู้สื่อข่าวก็คงต้องยอมรับว่า ตอนที่นายเศรษฐาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็ได้ทำงานไม่มีวันหยุดหย่อน เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชน และนายเศรษฐาก็ทำตามที่พูดไว้ ได้ลงไปพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อดูปัญหาของประชาชน เมื่อเข้าใจแล้วก็กลับมาแก้ไขปัญหา มีผลงานที่เป็นรูปธรรม เห็นได้จากการที่ราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้น เช่น ข้าว, ยางพารา และอ้อย
อีกทั้งช่วงที่นายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็อยู่ในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศไทยตกต่ำมาหลายปี ความเชื่อมั่นในประเทศไทยลดลงไป จึงได้เดินทางไปต่างประเทศ ไปให้ความมั่นใจกับนักลงทุน จนในที่สุดองค์กรที่จัดอันดับโลก ก็ปรับอันดับขึ้นมาถึง 5 อันดับ
ขณะที่ด้านการท่องเที่ยว นายเศรษฐาก็ให้ความใส่ใจจากการเปิดนโยบายฟรีวีซ่า ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนเพิ่มขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในส่วนของกระทรวงคมนาคมเอง จะเห็นได้ว่านายเศรษฐาได้ผลักดันเรื่องโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งขณะนี้เป็นที่ยอมรับแล้วว่า หลายประเทศ และหลายบริษัทต้องการเข้ามาประมูลแข่งขัน ซึ่งทั้งหมดคือสิ่งที่นายเศรษฐาได้ทุ่มเท เพื่อแก้ไขปัญหาให้ประเทศและประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนจะจดจำไว้ตลอด
เมื่อถามว่า หลังผลคำวินิจฉัยออกมา รัฐบาลต้องไปต่อ และจะเดินต่อไปอย่างไร นายสุริยะกล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งจาก สส.พรรคเพื่อไทย ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ทาง สส.เห็นว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค ควรได้รับการสนับสนุนเป็นนายกรัฐมนตรี
ซึ่งตนคิดว่า น.ส.แพทองธารยังเป็นสาวและยังแข็งแรง และยังกำลังพร้อมทุ่มเทให้กับประเทศชาติ ซึ่งตนก็ต้องขอชื่นชม เพราะเป็นการเสียสละ และเชื่อว่าจริง ๆ แล้ว น.ส.แพทองธารยังต้องดูแลลูกน้อย แต่พอเกิดสถานการณ์เช่นนี้ น.ส.แพทองธารก็คิดว่าจำเป็นและก็มาช่วย ซึ่งต่อไปก็เป็นขั้นตอนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
เมื่อถามว่า เมื่อเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากที่ประชุม สส.ใช่หรือไม่ นายสุริยะกล่าวว่า หากกรรมการบริหารพรรคไปทำอะไรที่แตกต่าง ก็สงสัยว่ากรรมการบริหารพรรคจะอยู่ไม่ได้ ซึ่งกรรมการดูแลพรรคเขามั่นใจอยู่แล้ว เป็นไปตามที่ สส.ต้องการ และเชื่อว่า น.ส.แพทองธารไม่ขัดข้อง
เมื่อถามว่า มีแนวโน้มที่ น.ส.แพทองธารจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ซึ่งจากนี้นายทักษิณจะมีบทบาทในการช่วยรัฐบาล และพรรคเพื่อไทยอย่างไร นายสุริยะระบุว่า ตนเชื่อว่าหากใครอยู่ในสมัยพรรคไทยรักไทย ก็จะเห็นถึงความรู้ความสามารถของนายทักษิณ และจากการออกรายการ การช่วยเหลือประชาชน และการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ จึงเชื่อว่าหากลูกสาวนายทักษิณมาเป็นนายกรัฐมนตรี และได้ทำงานร่วมกัน คงสามารถให้คำแนะนำกับนางสาวแพทองธารได้
เมื่อถามว่า คนในพรรคเพื่อไทยมีความกังวล ต่อความไม่แน่นอนในสถานการณ์ทางการเมืองตอนนี้ และเมื่อ น.ส.แพทองธารเข้ามาจะต้องระมัดระวังอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายสุริยะคิดว่า ในส่วนที่รัฐธรรมนูญเขียนไว้ ในระยะยาวเป็นอุปสรรคแน่ ๆ ซึ่งที่เราคุยกันในพรรครัฐบาล คงต้องดูว่า ต่อไปจะมีการปรับแก้ไขอย่างไร และทางพรรคเพื่อไทยก็ควรจะมีนักกฎหมายที่เข้ามาอยู่ในคณะรัฐมนตรีด้วย เพื่อดูแลให้เกิดความรอบคอบ ซึ่งอะไรที่สุ่มเสี่ยงเป็นประเด็นโต้แย้ง เราก็ต้องพยายามหลีกเลี่ยง
พร้อมกันนี้ นายสุริยะยืนยันว่า โครงการแลนด์บริดจ์ ยังคงเดินหน้าต่อ 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนนโยบายเศรษฐกิจ หากมองย้อนในอดีต ที่สมัยนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เกิดวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง เศรษฐกิจถดถอย นายทักษิณก็สามารถฟื้นฟู จ่ายเงินได้ทันเวลา นั่นถือเป็นจุดแข็งในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งตนคิดว่าเป็นจุดแข็งของพรรคเพื่อไทยที่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้แน่นอน