
คอลัมน์ : สัมภาษณ์พิเศษ ผู้เขียน : ณัฐวุฒิ กรัณยโสภณ วิรวินท์ ศรีโหมด
นาทีนี้ไม่มีพรรคการเมืองไหน “เนื้อหอม” ไปกว่าพรรคกล้าธรรม ที่มี “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” เป็นหัวหน้าพรรค และมี “ไผ่ ลิกค์” สส.กำแพงเพชร เป็นเลขาธิการพรรค
เหนือสิ่งอื่นใด พรรคกล้าธรรม ที่มีมอตโต้การเมือง “มั่นคง มั่งคั่ง ทั้งแผ่นดิน” มีผู้นำจิตวิญญาณที่ชื่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้ที่ “ไม่เคยตาย” ทางการเมือง เป็นแมว 9 ชีวิต
ประชาชาติธุรกิจ สนทนากับ “ไผ่” ในฐานะ พ่อบ้านพรรคกล้าธรรม มือขวา “ร.อ.ธรรมนัส” ถึงการเดินทางการเมืองสไตล์ ทำเต็มที่ เสี่ยงคือเสี่ยง พร้อมกับเปรียบ “ผู้กองนัส” ว่า เป็นดั่ง “ทอง”
กล้าธรรม มีประสบการณ์
แม้ในทางการเมือง พรรคกล้าธรรม เปรียบเป็นพรรคใหม่ไฟแรงบนกระดาน แต่ “ไผ่” พ่อบ้านกล้าธรรม มองว่า บุคลากรของพรรคกล้าธรรม ทุกคนคร่ำหวอดทางการเมืองมาไม่น้อยกว่า 20-30 ปี ใหม่แค่ชื่อกล้าธรรม แต่อย่างอื่นไม่ใช่ ประสบการณ์การเมืองค่อนข้างพร้อม
“พวกผมส่วนหนึ่งมาตั้งแต่พรรคเพื่อไทย ย้ายไปพรรคพลังประชารัฐ พรรคเศรษฐกิจไทย และกลับไปอยู่พรรคพลังประชารัฐอีกครั้ง ก่อนจะมาพรรคกล้าธรรม เรามีประสบการณ์ ข้อดีของเรา เราเคยอยู่ทุกหน้า ทั้งด้านที่เรียกว่าพรรคประชาธิปไตย เคยอยู่พรรคอนุรักษ์เต็มตัว”
“วันนี้เรารู้แนวคิดของทุกอย่าง เรามีประสบการณ์ทุกรูปแบบ เราจึงมีอุดมการณ์ของเราที่ชัดเจน ว่า ศูนย์กลางเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากประชาชน เราต้องยึดประชาชนเป็นหลัก”
“คำว่าประชาธิปไตย หรืออนุรักษ์ เป็นวาทกรรมหรือเปล่า หรือเป็นคำพูดที่แบ่งแยก แต่วันนี้เรารู้ว่าวิกฤตของประเทศเกิด เราควรจะต้องหาจุดที่ร่วมมือ ร่วมใจกัน”
ปัจจัย กล้าธรรม เนื้อหอม
จากนี้ พรรคกล้าธรรม เปิดเกม-เปิดตัวคนที่จะมาสมัครเป็นสมาชิกพรรค หลังไม่นานนี้ “น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ” และ “การุณ โหสกุล” อดีต สส.กทม.ได้ย้ายค่ายจากไทยสร้างไทยมาร่วมหอลงโรงกับ “กล้าธรรม”
ไผ่ไม่ปิดบังว่า อีกไม่นานจะเปิดตัวนักการเมืองที่เข้ามาเป็นสมาชิกบ้านกล้าธรรมอีก
“ทั้งหมดมันงวดเข้ามา เหลือแค่ 1 ปีครึ่งก่อนเลือกตั้ง การขยับเขยื้อนปีครึ่งมันเร็วมาก จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่ง ทางพรรคโดยการนำของ ร.อ.ธรรมนัส และท่านนฤมล พร้อมทำงาน อย่างไรก็ตาม เราตีประเมินไว้ก่อนว่าจะเกิดการเลือกตั้งในปี 2570 แต่อะไรที่เกิดขึ้น ณ วันนี้เราก็ต้องทำให้พร้อมที่สุด”
“ปัจจัยที่ทำให้คนอยากอยู่บ้านกล้าธรรมคือ การนำของ ร.อ.ธรรมนัส กับท่านนฤมล การดูแลพ่อแม่พี่น้องประชาชน นักการเมืองบางท่านในยุคก่อนเวลาประชาชนยื่นหนังสือร้องเรียน หนังสือก็จะอยู่ในโต๊ะ ยื่นไปก็หาย หรือไปหารือในสภาก็หารือไป การตอบสนองที่เป็นรูปธรรมออกมาไม่มี”
“แต่พื้นที่ที่มี สส.ของพรรคอยู่ ตอนที่ ร.อ.ธรรมนัสเป็นรัฐมนตรี ไม่ว่าฝ่ายค้าน หรือฝ่ายรัฐบาล ใครยื่นอะไรมาก็ได้รับการแก้ไข ไม่ติดว่าเป็นเขตไหน รัฐมนตรีสามารถสั่งเครื่องจักรมาลงเพื่อให้ทำงานไปก่อน มันเห็นผลเร็ว ทันใจ เข้าถึง”
“ผมติดตาม ร.อ.ธรรมนัส ลงพื้นที่ ผมเหนื่อยเลย เพราะลงครบทั้ง 77 จังหวัด ไปลำบาก ไม่ได้ไปสบาย วันนี้ดีเอ็นเอ ก็ส่งมอบมายัง สส. และรัฐมนตรีของพรรคกล้าธรรม ลงพื้นที่อย่างถึงลูกถึงคน ดีเอ็นเอ กล้าธรรมคือเข้าถึงประชาชน ยึดประชาชนเป็นหลัก ต้องทำกิจกรรม แก้ปัญหา”
“ทุกพรรคพูดอย่างนี้ แต่เราดูแล สส.ดี และ สส.ก็ไปดูแลประชาชน ถ้า สส.ไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือเลย จะไปได้ไหม เช่น เรื่องเล็ก ๆ ในพื้นที่มีปัญหาเรื่องไฟ ถ้ารองบประมาณ รอไปเถอะ ตั้งงบฯ 1 ปี ทั้งที่เร่งด่วน ต้องมีวิธีจัดการแก้ปัญหาให้ประชาชนได้คือจุดสำคัญ”
ไขคำตอบเครื่องมือดูแล สส.
ถาม “ไผ่” ว่า การแก้ปัญหาของประชาชน ต้องใช้งบประมาณ แต่พรรคกล้าธรรมคือพรรคทุนหนา ถึงแก้ปัญหาประชาชนได้ ใช่หรือไม่ เขาตอบว่า
“ทุกวันนี้ผมไม่เคยเหลือเงินเดือนใช้นะ เราทำอะไร เราดูแลตัวเองได้ ต้องช่วยพ่อแม่พี่น้อง ต้องบอกว่ามีภาษีสังคมสูง แต่คำว่าทุนหนา ผมพูดไม่ได้หรอก คงไม่ถูก แต่เราพร้อม เรามีประสบการณ์ และเรารู้วิธี เมื่อ สส.ที่เข้ามาใหม่ของเรา ก็จะมีการสอนกัน ทำตรงนู้น ทำตรงนี้นะ มันมีวิธีการ ให้ประชาชนทำประชาคม อยากได้โครงการตรงนี้ เอารายชื่อมา ถือมาให้รัฐมนตรีว่าต้องการจริง ๆ ก็จะ Direct เร็วขึ้น เป็นวิธีการตามกรอบรัฐธรรมนูญ”
“ไม่ใช่มาถึงปุ๊บ พูดลอย ๆ ในสภา ตรงนี้น้ำไม่ไหลนะครับ ต้องการเขื่อนนะครับ พูดไปเถอะ พูดจนปากถึงหูก็ไม่ได้ อย่างผมหาเสียงไว้อยากได้ถนนเปลี่ยนเป็น 6 เลน ทำทุกอย่างที่ประชาชนต้องการ ทำทุกอย่างที่เขาต้องการ แล้วไปยื่นให้นายกรัฐมนตรี แล้วก็ดูความจำเป็น ซึ่งไม่ใช่เขตเลือกตั้งผมด้วย แต่ก็ภูมิใจที่ได้ทำ”
ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ
“ไผ่” ยืนยันว่า พรรคกล้าธรรมไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ แต่เราเป็นกลุ่มที่เกาะตัวกันมานาน เพราะส่วนใหญ่อยู่กันตั้งแต่พรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคเศรษฐกิจไทย กลับมาพรรคพลังประชารัฐ เกาะมาอยู่จนถึงที่นี่ (พรรคกล้าธรรม) ก็ยังเป็นกลุ่มเดิม
“แม้มีหลายท่านด้วยอุดมการณ์ทางการเมือง อาจจะออกไปก่อน แต่ก็กลับมา เช่น ท่านเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เราก็ไม่ได้ดูดมาหรอก มีวาทกรรมว่า เราดูด แต่ถ้าบ้านเขาดีจริง อบอุ่นจริง ใครเขาจะออกมา แล้วเรื่องตัวเลข บางครั้งบอก 55 ล้าน รถ 1 คัน เงินเดือน 2.5 แสน ถามว่าปีกว่าจะเลือกตั้ง ใครจะลงทุนซื้อ มันไม่มีหรอก”
“ผมต้องบอกว่า เราไม่ทำอย่างนั้น (ดูด สส.) ตอนนี้มีอย่างหนึ่งคือ ย้ายตอนที่กำลังเลือกตั้งแล้วย้ายกัน นั่นอีกแบบหนึ่ง แต่ถ้าตอนนี้ย้ายพรรคแล้วทำงานได้เลย พี่น้องประชาชนในเขตไม่ดีใจกว่าเหรอ ชาวบ้านก็ได้เห็นว่าเราดูแลอย่างไร”
ถามแย้งว่าเป็นการ “ชวน” สส.เข้ามาอยู่กล้าธรรม เพื่อให้ทำงานในพื้นที่ได้ “ไผ่” ตอบทันที “ไม่ได้ชวน อย่างเคส กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.ชลบุรี พรรคประชาชน ไม่ได้เกิด เพราะเราไปชวน”
“ถามว่าหน้าอย่างผม ชัดเจนอย่างนี้ เดินเข้าไปหาพรรคประชาชน แล้วถามว่ามาอยู่กล้าธรรมไหม เขาไม่ทุบผมตายเหรอ เขาแฉกันขนาดนี้ ผมจะกล้าเดินเข้าไปไหม ถ้าชวนเขาแล้ว เขาออกมาบอก ล่อจะยุบพรรคเลย จะมีใครกล้าไหม Topic นี้ (เรื่องการย้ายพรรค) เกิดขึ้นมา ก็เพราะพรรคเขามีปัญหา พอ สส.กฤษฎิ์ เห็นการทำงาน เมื่อเขามีปัญหาก็เอาเรื่องมาบอก ร.อ.ธรรมนัส ตอนที่เป็นรัฐมนตรี ก็แก้ไขให้ ไม่ได้ดูว่าอยู่พรรคไหน”
“เราแก้ปัญหาได้ มี สส.เพิ่ม 1 คน เท่ากับมีประชาสัมพันธ์เพิ่ม 1 ที่ ทำไมเราจะไม่อยากได้ เราก็อยากโชว์ผลงาน”
โชว์ตัวเลข สส.รอเป็นพรรคใหญ่
“ไผ่” โชว์ตัวเลขที่เป็น สส.กล้าธรรม 100% แล้ว มี 26 คน ส่วนกลุ่มเราทั้งหมดที่ได้คุยกับ ร.อ.ธรรมนัส มี 36-37 แต่เราทำทุกอย่างไม่เคยต่อรองกับพรรคเพื่อไทย เราพอใจในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่คิดขออะไรเพิ่ม ไม่มี
36 สส.จะแสดงตัวครบหมดเมื่อไหร่ “ไผ่” กล่าวว่า ตอนโหวตไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ก็ออกมาตามที่เราพูดหมด เราพูดเรื่องจริง ถ้าไม่จริงจะไม่พูด แต่บางอย่างอุดมการณ์ หรือข้อจำกัดทางรัฐธรรมนูญทำให้ สส.ย้ายพรรคไม่ได้ จะทำให้อึดอัดกันเปล่า ๆ
แล้วถึงเวลาตอนไหนจะโชว์ตัวเลขว่ามี 36 คน ไผ่ตอบว่า “ก็เวลาโหวตก็ไปแกะตัวเลขเอาสิ ร.อ.ธรรมนัสพูด ก็ตามนั้น แต่พรรคกล้าธรรมแน่นหนาขนาดไหน ตอนนี้กำลังจะเพิ่มที่จอดรถแล้ว แต่เราก็ต้องเลือกแล้ว เพราะวันนี้มีคนอยากสมัคร หลายรูปแบบ บางคนไม่มีที่ไป บางคนตัวเต็งที่อึดอัดจากการทำงานพรรคเก่า แต่ยังไม่ออกมาตอนนี้ เขาอยากออกมา ณ วันเลือกตั้ง”
นาทีนี้ พรรคกล้าธรรม เป็นพรรคขนาดไหนไผ่กล่าวว่า“เราเตรียมเป็นพรรคใหญ่ขึ้นแน่นอน การเลือกตั้งครั้งหน้าจะใหญ่กว่านี้แน่นอน ผมว่าเราจะเป็นตัวจักรขับเคลื่อนในการตั้งรัฐบาลครั้งหน้า ผมไม่รู้ว่ากลางใครเป็นยังไง ใหญ่ใครเป็นยังไง แต่เรามั่นใจว่าเราจะเป็นหนึ่งในพรรคที่ทำให้ประเทศขับเคลื่อนไปได้ เหมือนที่ผ่านมาทุก ๆ ครั้ง”
บทบาทในรัฐบาล
“ไผ่” มองว่า บทบาทพรรคกล้าธรรมวันนี้ ไม่ได้เป็นผู้จัดการรัฐบาล แต่บอกอย่างหนึ่งว่า ต้องมีมารยาททางการเมือง
“ผมรู้ว่าตอนนี้เราควรพูดอะไร ไม่ควรพูดอะไร เราบอกแล้วว่าเราจะร่วมรัฐบาล และจะผลักดันนโยบายของนายกฯ เป็นหลัก เพื่อให้นโยบายขับเคลื่อนได้เต็มที่ เป็นผลงานรัฐบาล ไม่ถ่วง แต่ต้องไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีลธรรม”
ถามว่าเป็น 1 สาขาของพรรคเพื่อไทยไหม “ไผ่” ตอบว่า “เราเป็นคนมีมารยาทมากกว่า เราทำเต็มที่ แต่ถ้าการทำเต็มที่จะกลายเป็นสาขา ผมก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร”
แผนเตรียมเลือกตั้ง
“ไผ่” ยังมั่นใจว่า การเลือกตั้งยังปักหมุดในปี 2570 “ก็อยู่กันไปก่อน ยังไม่มีเหตุผลยุบสภาอะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่ดูจากอะไรหลาย ๆ อย่าง ข้อมูล ผมว่ายังไม่เวลานี้”
พรรคร่วมยังไม่ถึงขั้นแตกหัก “ไผ่” ตอบว่า “ผมว่าทุกอย่างเป็นข่าวลือ แต่เวลาไปถามทุกพรรค ก็ยังบอกว่าอยู่ดีกันอยู่ ไม่มีอะไร ส่วนจะมีอะไรลึก ๆ ในใจ…ไม่รู้ ต้องไปถาม”
“ส่วนพรรคกล้าธรรม เริ่มหาคนเตรียมที่จะลงเขตที่เหมาะสม มีการทำโพลว่าใครจะมาลง ไม่ใช่เอาใครมาลงแล้วดูแลชาวบ้านไม่ได้ แต่จะพูดตอนนี้ไม่ได้เดี๋ยวคนเอาไปลอก”
“ปัจจัยแรก ต้องมีความพร้อมในการช่วยเหลือประชาชน ดูว่าดีเอ็นเอตรงกับเราไหม เพราะ ร.อ.ธรรมนัส และท่านนฤมล ไม่อยากให้มีความขัดแย้ง หรือการตั้งกฎ เพราะเราอยู่กันแบบครอบครัว แต่เราทำงานกันเป็นระบบ ใช้ผลงานเป็นหลัก ทั้งทำพื้นที่หรือไม่ จะมีคนลงไปดูการตรวจสอบของเรามี”
“ถ้าจะใช้คำว่าบ้านใหญ่ ก็ต้องมีบ้าง และต้องมีนักการเมืองรุ่นใหม่ที่สามารถทำงานตามแบบเรา ไม่ใช่อาศัยพรรคเรา เพื่อเป็น สส.”
มีบ้านใหญ่จากพรรคการเมืองอื่นมาคุยกับพรรคกล้าธรรมเยอะหรือไม่ “ไผ่” บอกว่า “ก็มีคุยกันเยอะ มีทั้งเห็น และไม่เห็น”
ส่วนพรรคกล้าธรรม วางเป้าไปพื้นที่ไหนบ้างนั้น พรรคพุ่งเป้าทั่วอยู่แล้ว ต้องดู ณ วันนั้นว่าเป็นอย่างไร การเจรจาเราพูดก่อนไม่ได้ ถึงวันที่เขาเข้ามา อย่างเคส น.อ.อนุดิษฐ์ เราคุยกันเป็นปี กว่าถึงเวลาที่เหมาะสม ต้องดูว่าคนในโอเคไหม คนนอกโอเคไหม เขาจะเข้ามาทำอะไร ต้องเคารพความรู้สึกเพื่อน การเป็นพรรคการเมืองละเอียดอ่อน ร้อยพ่อพันแม่
“วันนี้เท่าที่คุยกัน เราต้องดูทีละจังหวัด ต้องล็อกเป้า เรารู้แล้วว่าทำการเมืองแบบไหน ต้องดูทีละเขตที่เราสามารถเข้าทำได้ ต้องเข้าถึงประชาชน ทำงานพื้นที่มาก่อน การเลือกตั้งครั้งหน้า ผมคงพูดเองไม่ได้ แต่ ร.อ.ธรรมนัส พูดว่า 100 ไม่รู้เลือกตั้งครั้งหน้าเป็นอย่างไร แต่เราสู้เต็มที่”
ธรรมนัส ทองแท้ ตกไฟไม่ไหม้
ถาม “ไผ่” ในฐานะ “มือขวา” ของ ร.อ.ธรรมนัส ที่เคยมีฉากชีวิตจุดต่ำสุดโดนปลดออกจากรัฐมนตรี แต่วันนี้มีสถานะผู้อยู่เบื้องหลังพรรคที่ร้อนแรงที่สุด ทำไม ร.อ.ธรรมนัส Never Die ทางการเมือง ไผ่ตอบว่า “จริง ๆ แล้วผมกับ ร.อ.ธรรมนัส รู้จักกันมานาน ตั้งแต่ก่อนเล่นการเมือง แกก็มีความใจถึง รักพวกพ้อง เป็นสิ่งที่ทำมา เมื่อเราอยากให้ช่วยพี่น้องประชาชนในเขตผม แกก็ช่วย มีคอนเน็กชั่น”
“ต้องยอมรับ คอนเน็กชั่นของ ร.อ.ธรรมนัส สูงมาก ท่านเป็นนักบริหาร จบ รร.เสนาธิการทหารมา เป็นจุดเด่น และใจถึง พึ่งได้ พึ่งได้จริง ๆ และไม่เคยทิ้งใครเลย ท่านทำเยอะกว่าพูด”
“แต่จุดไม้ตาย ผมว่า ทองก็คือทอง ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ยึดหลักประชาชน แต่ทั้งหมดเป็น สส.เขต ทุกอย่างที่เราทำ ร.อ.ธรรมนัส บอกว่า เราพูดไม่ได้หมด บางสิ่งบางอย่างต้องตายไปพร้อมพวกเรา สิ่งที่เราทำทั้งหมดมีเหตุผล แต่เราพูดต่อสาธารณชนไม่ได้”
ถามย้ำ “ไผ่” ว่า สิ่งที่พูดไม่ได้นั่นคือการหักกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และการตีจาก พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ ใช่ไหม เขาตอบว่า “มันพูดไม่ได้ไงครับ พูดไม่ได้จริง ๆ มันต้องตายกับพวกเราจริง ๆ เอาน่ะ เรายึดพ่อแม่พี่น้องประชาชนเป็นหลัก ยึดมั่นตามนั้น แต่ผมยอมรับว่าเรามีขึ้น มีลง ร.อ.ธรรมนัส เวลาเดินทางการเมือง เราเดินเต็มที่ ทำเต็มที่ เสี่ยงคือเสี่ยง มีได้มีเสีย ต่างจาก สส.บางคน รอตัดสินใจวินาทีสุดท้าย แต่ไม่ใช่วิธีการของพวกเรา”
ถือว่ารุ่งสุดขีดหรือยัง “ไผ่” ตอบว่า ถ้าถาม ร.อ.ธรรมนัส จริง ๆ ท่านบอกว่าท่านอยากพักผ่อนนะ
“คำว่ารุ่งสุดไม่สุด ท่านคงไม่คิดถึงแบบนี้หรอก แต่ท่านก็พยายามปรับบทบาทเอาคนเก่ง ๆ เข้ามาในพรรคเยอะขึ้น เช่น การเปิดตัวท่าน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ มันต้องมีเหตุผล ว่าทำไมอยู่ดี ๆ ถึงมาอยู่พรรคกล้าธรรม ที่กำลังโต จะไปซื้อเขามาคงไม่ใช่”