“ธนาธร” คิดการณ์ใหญ่ “เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเปลี่ยนแปลงประเทศ”

สัมภาษณ์พิเศษ

เป็นพรรคการเมืองใหม่ ที่โดดเด่นที่สุดในฝ่ายประชาธิปไตย มีอีเวนต์การเมืองครบทุกมิติ ทั้งเดินสายพบปะฐานเสียงตัวต่อตัวแบบ “โฟกัสกรุ๊ป” ปราศรัยผ่านช่องทางออนไลน์ “คืนวันสุข”

อันเป็นชนวนให้ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) เข้าไปสู่ดินแดนของการเป็นผู้ได้รับ “หมายเรียก” ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา-ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เขาบอก “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จะต้องเล่นเกมใหม่ ที่เขาถนัดกว่า-ถูกต้องกว่า เพราะหากไปหลงเล่นเกมการเมืองแบบเดิม เขาต้องตกเป็นฝ่ายแพ้ตั้งแต่ออกตัวสตาร์ตในลู่สนามเลือกตั้ง

Q : ถึงวันนี้ 4 เดือนนับตั้งแต่เปิดตัวมั่นใจว่าจะเป็นพรรคทางเลือกหลักอยู่หรือไม่ 

สิ่งที่พรรคเสนอเป็นทางเดียวที่ต้องเดินด้วยซ้ำ เพื่อสังคมไทยจะกลับมาสู่ความปกติ ความเป็นธรรมเท่าเทียม ยังไม่เห็นใครทำ ไม่มีพรรคของประชาชน ยืนเพื่อประชาชน พรรคเพื่อไทยอาจจะใกล้เคียง แต่พรรคที่ยืนอยู่บนผลประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริงยังมองไม่เห็น

Q : เพราะโครงสร้างพรรคการเมืองต้องพึ่งนายทุน

สุดท้ายต้องกลับมาเรื่องเจตจำนงทางการเมืองที่หนักแน่นพอจะทำสิ่งที่ยาก คือ การเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับรัฐ ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจ ไม่ใช่เป็นผู้รอการอุปถัมภ์จากรัฐ การเปลี่ยนแปลงจำเป็นต้องใช้เจตจำนงทางการเมืองที่แน่วแน่และแข็งแกร่งอย่างมหาศาล ไม่ง่าย แต่เป็นไปได้ ถ้าเริ่มทำ เริ่มขยับ เริ่มเปิดประตูความเป็นไปได้ให้เปิดออก ลุกขึ้นมาสู้ ไม่ยอมรับความไม่ถูกต้อง

Q : ความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

ปัญหาเกิดจากโครงสร้างทั้งหมด การแก้ไขมีองค์ประกอบหลากหลาย ต้องใช้เวลา ไม่เกิดขึ้นภายในข้ามวันข้ามคืนแน่นอน ดังนั้นทำใจไว้เลย สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ เป็นการเดินทางยาว เดินทางไกล มีแต่ทางชัน ขวากหนาม ไม่มีทางง่าย และพรรคการเมืองแทงกั๊กหมด ถ้าจะได้ 375 จาก 500 เสียง เพื่อล้างมรดก คสช.เป็นโจทย์ยาก

ดังนั้นอย่าโกหก อย่าบอกกับประชาชนว่า เลือกพรรคอนาคตใหม่แล้วจะได้ประชาธิปไตยกลับคืนมาทันที อาจจะโกหกได้ 2-3 ครั้ง แต่จะโกหกตลอดไปไม่ได้

วิธีที่ดีที่สุดในการทำงานทางความคิดกับประชาชน คือ พูดความจริง ว่าหนทางข้างหน้ามันยาก เพราะมันมีทั้งรัฐธรรมนูญ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี องค์กรอิสระ คุก ตะราง กฎหมายที่ไม่เป็นธรรมไว้ตบหน้าประชาชน เป็นเครื่องมือจัดการกับกลุ่มผลักดันประชาธิปไตย

Q : การถูกออกหมายเรียกเป็นบททดสอบแรก

อย่าไปตกใจมาก เราไม่ใช่คนแรกและคนเดียวที่โดน สิ่งที่อยากจะบอก คือ มีกฎเกณฑ์ กฎหมายต่าง ๆ ที่ออกมาในยุค คสช. เพื่อปิดปากประชาชนมากมาย เช่น พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ร.บ.ไซเบอร์ซีเคียวริตี้

สิ่งที่เกิดขึ้นควรพูดให้ไกลกว่าธนาธรโดน พ.ร.บ.คอมพ์ เพราะปรากฏการณ์จากปัญหาเชิงโครงสร้าง การเอาเจตจำนงของ คสช.มาใส่ไว้ในกฎหมายเพื่อควบคุมประชาชน วิธีคิดแบบทหารเรื่องความมั่นคง ใช้ไม่ได้กับสังคมที่เชิดชูสิทธิเสรีภาพ

Q : เพราะโดดเด่นจึงถูกเพ่งเล็ง

แสดงให้เห็นว่า คสช.ยอมรับเราเป็นกลุ่มพลังของสังคมกลุ่มหนึ่งไปแล้ว และแสดงให้เห็นว่า คสช.อยู่ในสภาวะเปราะบางมาก เสียงสะท้อนของความนิยมที่ตกต่ำลง ไม่อยู่ในช่วงขาขึ้น จึงไม่พร้อมที่จะรับการวิพากษ์วิจารณ์ ประกอบกับผลสำรวจทุกสำนักเห็นตรงกันว่า ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค. 61 จนถึงวันนี้ ความนิยมของพรรคเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

Q : ในสายตาของ คสช. พรรค อนค.อยู่ในสถานะใด 

พูดแทน คสช.ไม่ได้ แต่การวางตำแหน่งแห่งที่ในสังคมไทยของ อนค.ชัดเจน ว่าเราเป็นศัตรูของอำนาจอนาธิปไตยตลกที่สุด คือ การห้ามหาเสียงผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นวิธีหาเสียงที่ใช้เงินน้อยที่สุด แต่อยากปลดล็อกการเมืองช้า ๆ จะได้มีเวลาและใช้เงินหาเสียงน้อยลง ไม่เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างพรรคใหญ่กับพรรคเล็ก

ถ้าพูดให้ตรง คือ ห้ามผมนี่แหละ บอกมาเลยว่า พรรค อนค.ลงพื้นที่ไม่ได้ ธนาธรห้ามไลฟ์สด ปิยบุตรห้ามเดินรณรงค์ เขียนกฎหมายออกมาเลยว่า ห้าม อนค.พรรคเดียว เพราะเราไม่มีหัวคะแนน ไม่มีฐานเสียง

Q : การเป็นเป้านิ่งมีอุปสรรคบ้างหรือไม่

หลายพื้นที่ หลายคนที่สนับสนุน อนค.ถูกข่มขู่คุกคาม ถูกกดดันรายตัวจากอำนาจรัฐ ฝ่ายความมั่นคงถ่ายรูปไว้หมด พรรคเสียเปรียบทุกประตู

Q : อนค.จะเดินไปถึงวันเลือกตั้งหรือไม่ 

เราต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด คนที่มีความฝันแล้วไม่เคยเดินตามเพราะกลัวข้อจำกัด คุณจะไม่ได้เดินไปไหนเลย ไม่มีทางได้ความฝันแต่ถ้าคิดถึงความเป็นไปได้ เดินไปข้างหน้าวันนี้ คือ ความเป็นไปได้ที่สูงขึ้น ทุกวันที่ทำงาน เห็นคนอยากมาร่วมมากขึ้น ทุกวันที่ได้เสียงมากขึ้น เห็นความเป็นไปได้มากขึ้น อย่าไปกลัว ยิ่งกลัวยิ่งเข้าทางเขา ยืนให้ตรง อย่ายอมจำนน การยืนตรงเพื่อต่อสู้ไล่ตามความฝัน โดยเฉพาะระบอบที่ไม่เป็นธรรม เผด็จการ นั่นคือการแสดงว่า ตัวตนเรายังมีชีวิต ยังเป็นคน

Q : การตัดสินใจเดินทางไกลกับ อนค. เป้าหมายคืออะไร

เลือกตั้งครั้งนี้ ภารกิจชัดเจน คือ หยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. ผลักดันสังคมกลับสู่ประชาธิปไตย 4 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจเจ๊ง การปกครองแบบเผด็จการไม่มีองค์ประกอบของประชาชน ไม่มีช่องทางส่งเสียง การจัดสรรทรัพยากร ต่อรองผลประโยชน์อยู่เฉพาะกลุ่ม ยิ่งไม่มีประชาธิปไตย ความเท่าเทียมยิ่งน้อยลง ความเหลื่อมล้ำสูงขึ้น

การเลือกตั้งครั้งต่อไป ภารกิจใหม่ คือ แกนนำจัดตั้งรัฐบาลเป็นทางผ่านเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน อย่างช้าที่สุด คือ การเลือกตั้งครั้งหน้า การร่วมรัฐบาลเป็นเพียงเงื่อนไขเดียว ทุก 1 คะแนนเสียงเป็นคะแนนใหม่ และสำคัญกับ อนค. ต้องเก็บให้ได้หมด การขายความใหม่อาจจะขายได้เพียงครั้งนี้ อนาคตระยะยาวของประเทศ ่ เราจะสู้ให้ถึงที่สุดในทุกสถานการณ์

Q : ขายความใหม่ ขายอนาคตอย่างเดียว อาจจะแพ้ระบบฐานเสียง-หัวคะแนน

การลงพื้นที่ 41 จังหวัดในรอบ 4 เดือนที่ผ่านมา ใช้เวลาเยอะมาก เพื่อคุยกันคน 4-5 วง วงละ 20-30 คน รับฟังปัญหา คุยกับคนที่มีอุดมการณ์เดียวกันก่อน เมื่อประชาชนในพื้นที่เข้มแข็งเมื่อใด ให้เขาเลือกผู้นำ ให้เขาเลือก ส.ส.

วิธีการสร้างพรรคแตกต่างกันมาก พรรคแบบกลุ่มสามมิตรคุยกับหัวคะแนน 4-5 คน ที่มีฐานคะแนน 5 พัน 1 หมื่น แต่ อนค.คุยกับทุกคนถึงระดับรากหญ้า

แบบไหนถูก แบบไหนผิด เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ แบบกลุ่มสามมิตรอาจจะถูกก็ได้ แต่ไม่แข็งแรง แต่แบบที่ อนค.ทำ เชื่อว่าแข็งแรง

บ้านจะมั่นคงและยืนอยู่ได้ระยะยาว คือ บ้านที่คนร้อยรัดกันด้วยศรัทธา ผมกำลังสร้างเครือข่ายใหม่ที่ยึดโยงกันด้วยความคิด ทำงานทางความคิดให้หนักแน่นและแข็งขัน

ผมไม่เล่นการเมืองในระบบหัวคะแนน ฐานเสียงแบบเดิม ๆ เพราะเล่นเกมนี้ ผมแพ้อยู่แล้ว ต้องเล่นเกมใหม่ เกมที่เราถนัดกว่า เกมที่ถูกต้องกว่า เกมที่ควรจะเป็นกว่า เป็นเกมที่ไม่ต้องใช้หัวคะแนน แต่ใช้เครือข่ายทางความคิด

ทำให้ในพื้นที่รัศมีที่คุณมีอิทธิพลขยายขึ้นทุกวัน ไกลขึ้นทุกวัน จัดการปัจจัยที่อยู่ในควบคุม ความเป็นไปได้ก็มากขึ้นทุกวัน คนมาทำงานกับเราส่วนใหญ่เป็นอาสาสมัคร ไม่มีต้นทุน คนที่ตื่นรู้ ต้องการเปลี่ยนแปลงเต็มไปหมด

ฉะนั้น เดินไปข้างหน้าทุกวัน จะเห็นโอกาสความเป็นไปได้ทุกวัน ผมอาจจะผิดแต่ลองเปิดให้เกิดการเลือกตั้งดูสิ เพราะเป็นวิธีที่จะตอบคำถามได้ดีที่สุด

Q : 4 ปีที่ผ่านมา คสช.กับกลุ่มทุนใหญ่เกาะเกี่ยวกันขนาดใหญ่และยังมีนักการเมืองเก่ามาแตะมือ

ไม่มีทางไปทำอะไรได้ เพราะกฎหมาย คุก ตะราง องค์กรอิสระ มันนอนเตียงเดียวกันหมด ฉะนั้น ต้องขีดเส้นใหม่ระหว่างคู่ขัดแย้ง

12 ปีที่ผ่านมาไม่ใช่ประชาชนกับประชาชน คู่ขัดแย้งมีคู่เดียว คือ กลุ่มคนที่ต้องการฉุดรั้งประเทศไทยไว้แบบนี้ ไม่ให้ก้าวไปข้างหน้า เพราะได้ประโยชน์กับมันมหาศาล ต้องการสังคมที่ไม่เป็นธรรม สังคมที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ต้องการแบ่งปันอำนาจและทรัพยากรให้กับประชาชน

Q : ถ้าย้อนกลับไปพูดถึง 12 ปีที่ผ่านมาจะวนกลับไปสู่ปมความขัดแย้ง 

ความขัดแย้งเดียวที่ประเทศไทยมี คือ คนที่ขัดแย้งรู้ว่าล้มประชาธิปไตย ล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไม่ได้ จึงผลักดันสังคมให้สุดทาง เพราะเตี๊ยมกับทหารไว้แล้วว่าจะออกมาทำรัฐประหาร

ข้อที่สอง ไม่พูดถึงความขัดแย้งจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติได้อย่างไร เหตุการณ์พฤษภา 35 พ่อแม่บางคนยังไม่ได้รับศพคืน เหตุการณ์ 6 ตุลา 19 คนที่มีส่วนสั่งการปราบปรามประชาชน ยังไม่เคยถูกนำตัวมารับผิด

การพูดถึงเรื่องอดีต ไม่ใช่การสร้างความขัดแย้ง แต่คือการเอาความเป็นธรรมคืนให้กับทุกฝ่าย ใครทำอะไรไว้ที่ไม่ถูกต้อง ต้องได้รับการลงโทษ

เป็นการต่อสู้ทางความคิด ซึ่งสำคัญกว่าการได้คะแนนเสียง ได้เสียงมา แต่ไม่ชนะทางความคิด ก็แพ้ เมื่อไรก็ตามที่สร้างสะพานเชื่อมให้ทั้งสองอย่างเป็นเรื่องเดียวกันได้ จะชนะ เพราะไม่มีความปรองดองบนความอยุติธรรม