
เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ที่สำนักงาน ป.ป.ช. สนามบินน้ำ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พร้อมด้วย นางธิดา ถาวรเศรษฐ และนายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ์ แกนนำกลุ่ม นปช. ยื่นร้องขอความเป็นธรรมให้ทบทวนมติ ป.ป.ช.พร้อมนำเสนอข้อเท็จจริง เพื่อขอให้ ป.ป.ช.พิจารณาคำร้องใหม่ในคดีสลายการชุมนุมของกลุ่ม นปช. เมื่อปี 2553 โดยได้หยิบยกคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ยกฟ้องนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และพวก ในคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อปี 2551 มาเป็นพยานหลักฐานใหม่ พร้อมนำรายละเอียดข่าวที่เป็นมติของ ป.ป.ช. เกี่ยวกับข้อกล่าวหากรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีกับพวก สลายการชุมนุมตกไป ซึ่งเป็นข่าวที่เผยแพร่โดยสำนักงาน ป.ป.ช. นอกจากนี้ยัง นำเสนอวารสารเสนาธิปัตย์ ที่เป็นการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสลายการชุมนุม และหนังสือเรื่อง “ความจริงเพื่อความยุติธรรม” ซึ่งเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์และผลกระทบจากการสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า การยื่นหลักฐานครั้งนี้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. ที่หากมีหลักฐานใหม่ปรากฎขึ้นสามารถยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.นำสำนวนเก่ามาพิจารณาใหม่ได้ โดยคำพิพากษาคดีสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรสามารถนำมาเทียบกับการสลายการชุมนุมของกลุ่มนปช. และจะเห็นว่าสองคดีนี้มีความคิดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงจาก ป.ป.ช. จึงทำให้เกิดความสงสัยถึงบรรทัดฐานของการพิจารณาสำนวน จึงใคร่ขอให้ทบทวนมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดเดิม เพื่อให้เกิดหลักนิติธรรมที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย ซึ่งหาก ป.ป.ช.ไม่รับเรื่องไว้พิจารณาทางกลุ่ม นปช. จะขอใช้ช่องทางการต่อสู้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 236 ด้วยการรวบรวมรายชื่อประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้ง 2 หมื่นรายชื่อยื่นต่อประธานรัฐสภา ที่มาจากการเลือกตั้งเท่านั้น เพื่อขอให้ยื่นเรื่องต่อประธานศาลฎีกา ขอให้ตั้งคณะกรรมการไต่สวนอิสระต่อ ป.ป.ช.ต่อไป
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ขณะเดียวกันการเดินทางมาครั้งนี้ ไม่ได้มาหาเรื่องหรือทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกับกลุ่มพันธมิตร แต่มาเพื่อหาความยุติธรรมและขอให้เห็นใจผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 และเพียงขอโอกาสให้ได้รับความยุติธรรมอย่างเท่าเทียมกับกลุ่มอื่น
ที่มา : มติชนออนไลน์