‘หุ้นต้องห้าม’ เอฟเฟกต์เลือกตั้ง ‘ธนาธร’ กอดคอ ‘พปชร.-ปชป.’ รอด-ตายหมู่ !!! ?

ปม “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด กลายเป็นเอฟเฟ็กต์ “หุ้นต้องห้าม” เมื่อ “ธนาธร”- อนาคตใหม่ (อนค.) อาจจะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ-คุณสมบัติต้องห้ามผู้สมัครส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เพื่อพิสูจน์ “มาตรฐานเดียวกัน” ของกกต.

“ผมมีข้อมูลผู้สมัคร ส.ส. พปชร. กับ ปชป. ที่เข้าข่ายกรณีแบบนี้อยู่เหมือนกัน ถ้าแบบนี้ยุบพรรค ก็ต้องยุบทุกพรรค เราก็จะฟ้องผู้สมัคร พปชร.ในเคสเดียวกันด้วยเหมือนกัน ต่างกันที่ผู้สมัคร พปชร.ยังถือหุ้นอยู่ แต่ผมขายแล้ว”นายธนาธรกล่าว

สอดรับกับพรรคเพื่อไทย (พท.) โดยนายณรงค์ รุ่งธนวงศ์ หัวหน้าศูนย์ข้อมูลและสถิติ กองอำนวยการเลือกตั้ง พท.  ยื่นเรื่องต่อ กกต. ให้ตรวจสอบ “คุณสมบัติต้องห้าม” เพราะถือครองหุ้นสื่อ

รายแรก-รายถัดจาก “ธนาธร” ที่ถูก พท. “แก้เผ็ด” คือนายชาญวิทย์ วิภูศิริ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 5 และนายสมศักดิ์ สุขประเสริฐ ผู้สมัคร ส.ส.สกลนคร เขต 5 ของ พปชร.

เลวร้ายอาจลามไปถึง “อุตตม สาวนายน” หัวหน้าพรรคเพราะไปเซ็นรับรองคุณสมบัติ “ผู้ขาดคุณสมบัติ” และเมื่อกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) เข้าไปเกี่ยวข้องหากพิสูจน์ได้ว่าเข้าค่ายทำให้เลือกตั้ง  “ไม่สุจริต” อาจถึงขั้น “ยุบพรรค” เข้าตำรา “กรรมตามสนอง” ก็เป็นได้

“สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีต กกต.-อดีตผู้สมัคร ส.ส. (สอบตก) ปชป. โพสต์ภาพตัวละคร “ธานอส” จากภาพยนตร์เรื่อง “Avengers : Endgame” พร้อมระบุข้อความเมื่อวันที่ 27 เม.ย.62 ว่า “การดีดนิ้วทางการเมืองที่จะสลายผู้สมัคร ส.ส.ไปครึ่งจักรวาล อินฟินิตี้วอร์เริ่มต้นขึ้นแล้ว”

เมื่อการนำเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร ส.ส.ที่เขียนไว้ใน พรป.ส.ส.มาตรา 42(3) มาตีความและบังคับใช้อย่างเคร่งครัด

“ห้ามผู้สมัครเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ” เป็นผู้ถือหุ้น ล้านหุ้น หรือ หนึ่งหุ้น ล้วนต้องห้าม

กิจการที่เกี่ยวกับสื่อ จะดูที่วัตถุประสงค์การก่อตั้งในหนังสือจดทะเบียนบริษัท หากมีคำว่า “หนังสือพิมพ์” หรือ “สื่อมวลชน” แม้เป็นหนึ่งในร้อยข้อ ย่อมไม่ได้

“แม้รับเหมาก่อสร้าง ขายอุปกรณ์สำนักงาน ทำธุรกิจนำเข้าส่งออก แต่เวลาจดทะเบียนไปจดวัตถุประสงค์ครอบจักรวาลเพื่อให้เกิดความคล่องตัวทางธุรกิจ ย่อมไม่ได้”

ผู้สมัคร ส.ส.จะฝ่ายใดก็ตาม หากเป็นนักธุรกิจที่ถือครอบครองหุ้น วันนี้แค่รอคอยว่าเมื่อใด การร้อง การขุดคุ้ยว่าบริษัทตนเองมีหุ้น จะมีหลุดวัตถุประสงค์สักข้อที่ว่าทำกิจการสื่อ ทั้งที่ผ่านมาทำกิจการอื่นมาโดยตลอดหรือไม่

เมื่อหนึ่งคนถูกตรวจสอบและถูกชี้ว่าขาดคุณสมบัติ การขอให้ตรวจสอบอีกสิบอีกร้อยคนที่ชนะเลือกตั้งก็จะเกิดขึ้น

เมื่อระบบเลือกตั้งใหม่ทุกคะแนนมีความหมาย การขอให้ตรวจสอบ”ผู้สมัครที่แม้ไม่ชนะเลือกตั้ง” เพื่อ”สลายคะแนนทุกคะแนน” ที่จะสะสมเป็นคะแนนพรรคก็จะเกิดขึ้น

“การดีดนิ้วครั้งนี้ หรือว่าจะทำให้ ส.ส.และผู้สมัคร ส.ส.จะสลายไปครึ่งจักรวาล”

#โดมิโนทางการเมือง เริ่มต้นแล้ว

ปรากฏการณ์หลังจากนี้ “ใครบ้าง” ที่ถือ-ถือครอง “หุ้นสื่อ” คงถูกขุดคุ้ย-ประจานสาแหรกก็อีก “บิ๊กลอต”

เมื่อ “เลือกตั้งแพ้แต่คนไม่ (ยอม) แพ้” สารพัดแท็กติคก็ถูกงัดมาใช้ทำลายล้างทางการเมืองให้ราบคาบในกระดานเดียว