“ปิยบุตร” ชำแหละ ส.ว.​ ชี้ เป็น “ระบบผลัดกันเกา” สูญภาษีพันล้านเพื่อสืบทอดอำนาจ คสช.

“ปิยบุตร” นิยาม ส.ว.​ เป็น “ระบบผลัดกันเกา” ใช้ภาษีพันล้านสืบทอดอำนาจ คสช. ฉะ​ อุกอาจ-ท้าทายประชาชน ชวนจับตา​ โหวต​ “ประยุทธ์” ขัดรัฐธรรมนูญ ม.114

เมื่อเวลา 15.45 น. วันที่ 14 พฤษภาคม​ ที่พรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อ​นค.)​ แถลงถึงรายชื่อ 250 ส.ว.จากการแต่งตั้งของคณะรักษา​ความสงบ​แห่งชาติ ​(คสช.)​ ว่า ประเทศไทยใช้การปกครองระบบรัฐสภา มี 2 สภา ปัญหาว่าวุฒิสภาควรมาจากไหนเป็นเรื่องเรื้อรังในประวัติศาสตร์มาโดยตลอด มีการช่วงชิงกันระหว่างอำนาจจากการเลือกตั้งกับอำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ผลส่วนใหญ่ ส.ว.จะมาจากการแต่งตั้ง ส.ว.เลือกตั้ง มีตอนรัฐธรรมนูญ 2540 ตามหลักการหากจะให้มี ส.ว.ที่มีอำนาจมาก ก็ต้องเลือกตั้ง หากจะให้มีอำนาจน้อยแค่กลั่นกรองกฎหมาย​ ที่มาอาจจะมาจากการเลือกตั้งทางอ้อมหรือแต่งตั้ง เช่น​ ในประเทศอังกฤษ อิตาลี แต่ประเทศไทยออกแบบ ส.ว.กลับตาลปัตร ให้อำนาจมากแต่มาจากการแต่งตั้ง ต่างจากรัฐธรรมนูญ 2540 ส.ว.มีอำนาจมาก​ ทั้งแต่งตั้งถอดถอน แต่มาจากการเลือกตั้ง พอมาถึงรัฐธรรมนูญ 2560 ส.ว.มีอำนาจมากที่สุด และมาจากกการแต่งตั้งโดย คสช.ที่รัฐประหาร จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า ส.ว.แต่งตั้งคือเครื่องมือสำคัญในการสืบทอดอำนาจของ คสช.

นายปิยบุตรกล่าวว่า โรดแมปสู่ ส.ว.เพื่อการสืบทอดอำนาจ​ เกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อมีการรัฐประหาร ต้องมีเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจคือ ส.ว.แต่งตั้ง พรรคการเมือง และรัฐธรรมนูญ เช่น ฉบับ 2492, 2511 และ 2521 เอาข้าราชการ ทหาร ตำรวจ มานั่ง ส.ว. พอมาถึงรัฐประหาร 2557 พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ส่งหนังสือถึงคณะกรรมการ​ร่างรัฐธรรมนูญ ​(กรธ.) ​ต้องการให้มี ส.ว.แต่งตั้ง สภาปฏิรูป​แห่งชาติ (สปช.) ​จึงตั้งคำถามพ่วงเสนอให้สภานิติบัญญัติ​แห่งชาติ ​(สนช.) ​ถามตอนประชามติ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2559 ซึ่งตนขอเรียนว่า​ เป็นระบบ ส.ว.ผลัดกันเกาหลังคนละทีสองที เนื่องจาก​ 250 ส.ว.แบ่งเป็น 3 ก้อน ได้แก่​ 6 คนจากผู้นำเหล่าทัพ 50 คนจากการเลือกกันเองในกลุ่มอาชีพ ใช้เงิน 1.3 พันล้านบาท แต่งหน้าทาปาก ให้ดูเหมือนประชาชนคัดมา ก่อนจะให้ คสช.ให้ความเห็นชอบ และ 194 คนจากการสรรหา ที่มี พล.อ.ประวิตร​ วงษ์​สุวรรณ​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​กลาโหม​ เป็นประธาน และ คสช.เป็นกรรมการ ซึ่งไม่เคยเห็นชื่อเลยว่าสรรหาใครบ้าง สุดท้ายก็ให้ คสช.เป็นผู้เคาะ ส.ว.ทั้งหมด ผลที่ได้คือเป็นทหาร 93 คน ตำรวจ 14 คน ซึ่งก็คือพรรคพวกเก่าๆ คนที่เคยทำงานกับ คสช. เช่น​ สปช., สภาขับเคลื่อน​การปฏิรูป​ประเทศ (สปท.)​ ซึ่งก็คือคนที่ได้รับประโยชน์โภชผลจากการยึดอำนาจ

นายปิยบุตรกล่าวว่า ส.ว.บางส่วนที่ถูกแต่งตั้ง บางคนเคยเป็นมาตั้งแต่ สนช. 2549, ส.ว.สรรหา 2550, สนช. 2557 และ ส.ว.2560 หากอยู่จนครบวาระ 5 ปี หมายความว่า คนเหล่านี้ได้นั่งในสภาใช้อำนาจนิติบัญญัติอย่างต่อเนื่องโดยนั่งกระดิกเท้าอยู่เฉยๆ แล้วมีคนอัญเชิญให้เป็น ส.ว.เกือบ 20 ปี ได้เป็นสมาชิกสภาจากการแต่งตั้ง โดยไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ได้ใช้อำนาจนิติบัญญัติของประชาชน การเลือกตั้งที่ผ่านมา​ ประชาชน 51 ล้านคน เลือก ส.ส.ได้ 500 คน แต่ พล.อ.ประยุทธ์คนเดียวได้ตั้ง ส.ว. 250 คน​ ส.ส.​1 คนจะต้องได้ 7.1 หมื่นเสียง ก็หมายความว่า พล.อ.ประยุทธ์คนเดียวมี 17.7 ล้านเสียง แล้วรัฐธรรมนูญเขียนว่า ส.ว.เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ปัญหาคือ ส.ส.มาจากการเลือกตั้ง แต่ 250 ส.ว. เป็นผู้แทนได้อย่างไร ในเมื่อปวงชนชาวไทยไม่ได้เลือก ไม่ได้แม้แต่รู้รายชื่อ ดังนั้น​ ส.ว.ไม่ใช่ผู้แทนปวงชนชาวไทย แต่ ส.ว.เป็นผู้แทนของ คสช.

นายปิยบุตรกล่าวว่า มาตรา 114 ของรัฐธรรมนูญเขียนว่า ส.ส.และ ส.ว.ต้องไม่อยู่ในความผูกมัดครอบงำภายใต้อาณัติมอบหมายของใคร แล้ว ส.ว.แต่งตั้งอยู่ภายใต้อาณัติมอบหมายครอบงำโดย คสช.หรือไม่ ทั้งยังระบุด้วยว่า การปฏิบัติหน้าที่ของ ส.ส.และ ส.ว.ต้องไม่ขัดกันโดยผลประโยชน์​ ฉะนั้น เมื่อถึงการเลือกนายกฯขอให้จับตาว่า ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช. จะกลับมาเลือก พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯหรือไม่ ถ้าใช่ จะถือว่าเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ขัดกันแห่งผลประโยชน์หรือไม่ ในเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ตั้งมา แต่วันแรกที่ใช้อำนาจกลับมาเลือก พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯอีก​ จะขัดมาตรา 114 หรือไม่ รัฐประหารไม่อาจอยู่ได้ชั่วกัลปาวสาน อย่างไรก็ต้องเลือกตั้ง แต่คณะรัฐประหารต้องการอุ่นใจว่าจะกลับมาได้อีก เมื่อตั้งพรรคการเมือง ดึง ส.ส.แล้ว ยังต้องมีอาวุธสำคัญคือวุฒิสภา เป็นกลไกสืบทอดอำนาจโดยงบประมาณแผ่นดินมหาศาล เพื่อแต่งหน้าทาปาก เอาวงศ์วานว่านเครือ วงศาคณาญาติของ คสช.

“ปรากฏการณ์แบบนี้ต้องเรียกว่า อุกอาจและท้าทายอำนาจประชาชนมาก เหมือนบอกว่าพวกอั๊วจะเอาแบบนี้ จึงขอเรียกร้องให้ ส.ว.เคารพประชาชน อายประชาชนบ้าง รัฐธรรมนูญทุกฉบับบอกว่า ประชาชนทุกคนที่ช่วยทำมาหากินเสียภาษีเป็นเจ้าของอำนาจ แต่กลับเอาภาษีมาให้คนสืบทอดอำนาจ อยากให้คนไทยที่จ่ายภาษีเป็นเงินเดือนให้ ส.ว.พวกนี้ ร่วมกันส่งเสียงออกไปดังๆ ให้ ส.ว. 250 คน ให้การใช้อำนาจหน้าที่ครั้งแรกในสภาไปในทางที่หยุดการสืบทอดอำนาจของ คสช. ต้องไม่ลืมว่าวันนี้ได้เป็น ส.ว.แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีอำนาจกดดันคุณได้อีกแล้ว ดังนั้น​ จงใช้อำนาจหน้าที่ของคุณเพื่อพิสูจน์ว่า คุณเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทย ไม่ใช่ผู้แทน คสช. จะใช้อำนาจโดยไม่ขัดกันแห่งผลประโยชน์ตามมาตรา 114” นายปิยบุตรกล่าว

เมื่อถามว่า หาก ส.ว.อ้างว่าโหวต พล.อ.ประยุทธ์โดยใช้วิจารณญาณ ไม่ถูกครอบงำ นายปิยบุตรกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ตั้ง แล้วไปเลือก พล.อ.ประยุทธ์ ถามว่าขัดกันหรือไม่ วันนี้ทุกคนปรามาสเต็มไปหมด วันนั้นก็ควรแสดงให้ประจักษ์ ทั้งนี้​ รายชื่อ 250 ส.ว. ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปตามคาดหมายหรือไม่ตามคาดหมาย แต่เป็นเรื่องผิดปกติ ที่ไม่ควรมีเลย ไม่ชอบธรรมอย่างยิ่ง เพราะเป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจ

 

 

 

ที่มา มติชนออนไลน์