เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.62 ที่พรรคพลังประชารัฐ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค (พปชร.) แถลงข่าวภายหลังประชุมกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรค ว่า ที่ประชุมกก.บห.มีมติให้ตนเป็นประธานคณะกรรมการยกร่างนโยบายของพรรค รวมทั้งการประสานงานกับพรรคร่วมรัฐบาล จำนวน 18 พรรค เพื่อนำนโยบายของแต่ละพรรคมาจัดทำเป็นนโยบายของรัฐบาลใหม่ล่วงหน้า รวมถึงการพิจารณาถึงผู้ที่รับผิดชอบของพรรคเพื่อปรับปรุง ปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงาน สำหรับกรอบเวลาในการรวบรวมนโยบายของแต่ละพรรคเพื่อจัดทำนโยบายของรัฐบาลเพื่อแถลงต่อรัฐสภาคงใช้เวลาไม่นาน เพราะอีกไม่นานคงมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่และแถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยจะทำให้เร็วที่สุด
“การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ต่างจากทุกครั้ง เพราะท่านนายกฯ (พล.อ.ประยุทธ์) เป็นแคนดิเดตนายกฯ ที่พปชร.เสนอ ซึ่งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดตั้งรัฐบาล ที่ผ่านมาเป็นการหารือในขั้นต้น เป็นกรอบใหญ่เท่านั้น แต่เมื่อมีนายก ฯ แล้วก็ต้องหารือเพิ่มเติม เพราะยังไม่เรียบร้อยทั้งหมด”
นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวจะประสานเรื่องนโยบายเท่านั้น แต่การจัดสรรกำลังคน หน่วยงาน (กระทรวง) เป็นเรื่องของแต่ละพรรคที่จะจัดคนมา การเจรจากระทรวงต่างๆ ยังไม่เสร็จสิ้น กำลังดำเนินการอยู่ จะทำให้เร็วที่สุด เมื่อท่านนายก ฯ เข้ารับตำแหน่งแล้ว ท่านก็ต้องมาช่วยดูอยู่แล้ว แต่ขณะนี้เป็นการทำงานของพรรค ส่วนสังคมจะมองว่าไม่มีอำนาจตัดสินใจก็แล้วแต่สังคมจะมอง
“ท่านนายก ฯ โดยหน้าที่ก็ต้องดูทั้งหมด ทั้งกระทรวงและบุคคล ส่วนจะปรับเปลี่ยนหรือไม่ท่านคงหารือเพิ่มเติมมา ไม่มีการหักดิบ และไม่มีเกณฑ์ว่านโยบายของพรรคใดจะได้กระทรวงใด แต่เป็นการใช้วิธีการหารือมากกว่า ขอให้คิดว่ากระทรวงอยู่ภายใต้รัฐบาลเดียวกัน เราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ปิดดีลไปแล้วอะไร เรื่องประเทศชาติไม่ใช่เรื่องการสร้างดีล ลงเรือลำเดียวกันแล้วก็มาก็อยู่ที่ใครขับ ใครพาย”
นายอุตตมกล่าวทิ้งท้ายว่า กระบวนการเจรจายังมีเวลา จะทำให้ลงตัวที่สุด ลงตัวทั้งข้างในพรรคและระหว่างพรรคเพื่อเราลงเรือลำเดียวกัน ที่เหลือเป็นเรื่องรายละเอียดที่ต้องทำ ยังไม่ใครตอบได้ว่าใครได้ตำแหน่งใด สุดท้ายท่านนายกฯ จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าหน้าตาของรัฐบาลหน้าจะเป็นอย่างไร ส่วนเรื่องนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จะวางมือยังไม่ทราบ และการที่นายสิริพงษ์ ส.ส.ศรีษะเกษ พรรคภูมิใจไทย งดออกเสียงเลือกพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายก ฯ ไม่เกี่ยวกับการจัดสรรโควตารัฐมนตรีแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่ ซับซ้อน ไม่ใช่พรรคใดพรรคหนึ่งจะทำได้ ต้องมาหารือกัน ยังไม่ได้กำหนดประเด็นที่จะแก้ไข