ด่วน! กองทัพเรือแถลง “เรือดำน้ำ” พรุ่งนี้ แจงเพื่อไทยพาดพิงสัญญาจีทูจี

กองทัพเรือ เตรียมเปิดแถลงข่าวกรณีซื้อเรือดำน้ำ 24 ส.ค. นี้ ประเด็นที่พรรคเพื่อไทยแถลงข่าวเป็นการบิดเบือนและตัดตอน

วันที่ 23 สิงหาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการกองทัพเรือ ได้สั่งการให้จัดแถลงข่าวในเรื่องเรือดำน้ำ กรณีที่พรรคเพื่อไทยแถลงข่าวพาดพิงเรื่องเอกสาร ที่อาจทำให้เป็นโมฆะ วันพรุ่งนี้ (24ส.ค.) เวลา13.30น. ที่ห้องชมวัง อาคารราชนาวิกสภา

สำหรับประเด็นที่กองทัพเรือเตรียมชี้แจงการจัดซื้อเรือดำน้ำ ของกองทัพเรือ วงเงิน 22,500 ล้านบาท ได้แก่ ประเด็นความจำเป็นในเชิงยุทธศาสตร์ การจัดสรรงบประมาณของกองทัพเรือเอง โดยเลื่อนโครงการจัดหาเรือผิวน้ำโครงการจัดหาอากาศยานแล้ว พร้อมทั้งเรื่องเอกสารข้อกฎหมายในการทำสัญญาแบบจีทูจี อำนาจของผู้บัญชาการทหารเรือ ในการลงนามด้วย

ในช่วงสายวันนี้ (23 ส.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ในฐานะคณะอนุกรรมาธิการฯ แถลงข่าวถึงกรณีที่ที่ประชุมอนุกรรมาธิการฯ มีมติเห็นชอบงบจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีน 2 ลำ วงเงิน 22,500 ล้านบาท

โดยนายยุทธพงศ์กล่าวว่า ที่ประชุมอนุกรรมาธิการฯ ในตอนแรกมีมติเสมอกัน 4 ต่อ 4 แต่สุดท้ายนายสุพล ฟองงาม ประธานอนุกรรมาธิการฯ ได้ลงมติเห็นชอบ ทั้งๆ ที่ตำแหน่งประธานอนุกรรมาธิการฯ น้้นไม่ควรลงมติ ต้องวางตัวเป็นกลาง แต่นายสุพลกลับลงมติเป็นอีกหนึ่งเสียง ทำให้มติกลายเป็น 5 ต่อ 4 เห็นชอบการจัดซื้อเรือดำน้ำ

ทั้งนี้ มีการล็อบบี้ในคณะอนุกรรมาธิการฯ หรือไม่ เพราะครั้งแรกกองทัพเรือเข้ามาเสนองบประมาณ แต่อนุกรรมาธิการฯ เห็นว่า หากจัดซื้อเรือดำน้ำลำแรกไปแล้ว และไม่ได้ผูกพันลำที่ 2 และ 3 ก็ขอให้ชะลอไว้ก่อน อย่าเพิ่งซื้อ แต่กองทัพเรือไม่ยอม ดึงดันจะซื้อให้ได้ สุดท้ายจึงถูกแขวนไว้ ไม่ให้ผ่าน เพราะอนุกรรมาธิการฯ มีเสียงเป็นเอกฉันท์ว่า การจัดซื้อเรือดำน้ำไม่จำเป็นในขณะนี้

อย่างไรก็ตาม มีกรรมาธิการฯ คนหนึ่งที่ออกเสียงไม่ซื้อเรือดำน้ำนั้นได้บอกในที่ประชุมว่า ลองให้ทหารถอดเครื่องแบบแล้วถามชาวบ้านในต่างจังหวัดจะพบว่า ชาวบ้านไม่ยอมให้ซื้อเรือดำน้ำแน่นอน แต่การลงมติอีกครั้งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กรรมาธิการคนดังกล่าวกลับโหวตให้ซื้อเรือดำน้ำ ดังนั้น จึงเชื่อว่ามีการล็อบบี้จากผู้ใหญ่ในรัฐบาลอย่างแน่นอน

จากนั้นนายยุทธพงศ์ได้แสดงเอกสารบันทึกข้อตกลงการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือต่อสื่อมวลชน ซึ่งมีการระบุว่าเป็นสัญญาจีทูจี “จากการตรวจสอบพบว่า ไม่ใช่สัญญาจีทูจี แต่เอกสารดังกล่าวเป็นเพียงข้อตกลงและสัญญาที่เซ็นไป เป็นเพียงแค่การจัดซื้อเรือดำน้ำ 1 ลำเท่านั้น ไม่มีลำที่ 2 หรือ 3 ไม่มีข้อผูกพันอะไร โดยผู้ที่ลงนามในสัญญานั้น ฝ่ายไทยคือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ซึ่งดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหารเรือในขณะนั้น ขณะที่ฝ่ายจีนผู้ที่ลงนามคือบริษัทเอกชน ไม่ใช่รัฐบาลจีน ซึ่งจุดนี้ จะนำไปสู่หนังม้วนยาว”

ทั้งนี้ ขอตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมจึงปกปิดเอกสารมาโดยตลอด และหากเป็นสัญญาแบบจีทูจีจริง ผู้ที่ลงนามในฐานะฝ่ายไทยก็ไม่มีอำนาจลงนามแทนรัฐบาลไทย เพราะผู้มีอำนาจคือนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังไม่มีหนังสือมอบอำนาจจากรัฐบาลไทยอีกด้วย รวมถึงตำแหน่งเสนาธิการทหารเรือนั้นก็ไม่สามารถที่จะรับมอบอำนาจได้ คนที่จะรับมอบอำนาจได้คือ รมว.กลาโหมเท่านั้น
ดังนั้น สัญญาดังกล่าวต้องเป็นโมฆะ อย่างไรก็ตาม ในคณะอนุกรรมาธิการฯ นั้น กองทัพเรือไม่สามารถชี้แจงกรณีดังกล่าวได้เลย อ้างแต่เรื่องความมั่นคงทางทะเล ทั้งๆ ที่ความอดอยากของประชาชนในขณะนี้สำคัญกว่าเรือดำน้ำ
นายยุทธพงศ์ กล่าวอีกว่า ในวันที่ 26 ส.ค. เวลา 13.00 น. คณะกรรมาธิการงบประมาณชุดใหญ่จะให้อนุกรรมาธิการฯ ชี้แจงกรณีเรือดำน้ำ ซึ่งตนจะเสนอให้กรรมาธิการชุดใหญ่ทบทวนเรื่องนี้ พร้อมทั้งขอให้กองทัพเรือนำหนังสือสัญญามาแสดงด้วย หากแสดงไม่ได้สัญญาจะต้องเป็นโมฆะ เนื่องจากไม่มีความโปร่งใส มีความไม่ชอบมาพากล ทั้งนี้ หากคณะกรรมาธิการชุดใหญ่ให้ผ่าน ตนจะเสนอให้คณะกรรมาธิการชุดใหญ่ลงชื่อเป็นรายบุคคลแบบเปิดเผยชื่อ เพื่อดูว่าใครเห็นความสำคัญของเรือดำน้ำมากกว่าความอดอยากของประชาชน และหากโหวตแพ้เสียงส่วนใหญ่ในซีกรัฐบาล ตนจะเดินหน้าฟ้องกับประชาชนต่อไป เพราะเรื่องนี้มีความไม่ชอบมาพากลอย่างมาก