นายกฯ เปิดตัว “ทีม ครม.เศรษฐกิจใหม่” สุพัฒนพงษ์-อาคม-สันติ

ประยุทธ์ เปิดตัวทีม ครม.เศรษฐกิจใหม่ “สุพัฒนพงษ์-อาคม-สันติ” เรียกความเชื่อมั่นต่อประชาชน

วันที่ 12 ตุลาคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้นำทีมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ประกอบด้วย นายสุพัฒน์พงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกกระทรวงการคลัง และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยผ่านการถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ในวานนี้ (11 ต.ค.) ซึ่งเริ่มทำงานเป็นวันแรก ร่วมแถลงการข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี

นายกรัฐมนตรีให้เหตุผลของการนำทีมเศรษฐกิจเข้าร่วมแถลงข่าวครั้งนี้ว่า ต้องการเพื่อเรียกความเชื่อมั่นต่อสังคม และประชาชน “เราจะแก้ไขปัญหาทางด้านเศรษฐกิจอย่างเต็มที่และระมัดระวังอย่างที่สุด ให้ครอบคลุมทุกมาตรการที่ออกไป”

ในการแถลงข่าวดังกล่าว นายกรัฐมนตรีได้เผยถึง 3 มาตรการ ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติเห็นชอบในวันนี้ ซึ่งประกอบด้วย

  1. มาตรการเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14 ล้านคน คนละ 1,500 บาท
  2. มาตรการคนละครึ่ง กระตุ้นค่าใช้จ่ายโดยประชาชนออกครึ่งหนึ่งและรัฐบาลออกอีกครึ่ง (Co-pay)
  3. มาตรการช้อปดีมีคืน กระตุ้นการบริโภคประชาชนประเทศในกลุ่มที่เสียภาษี โดยคืนภาษีสูงสุด 30,000 บาทมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

“มาตรการทั้ง 3 โครงการมีเป้าหมายเพื่อช่วยดึงเงินเข้าสู่ระบบ เมื่อมีการใช้จ่าย มีการผลิต มีการจ้างงาน ทำให้สามารถดำรงชีพอยู่ได้” นายกรัฐมนตรี

พร้อมทั้งกล่าวถึงเป้าหมายหลักของทั้ง 3 มาตรการ ว่า ต้องการการช่วยคนมีรายได้น้อย ให้พอเงินใช้จ่ายจ่าย และช่วยให้คนมีรายได้มาก แต่ไม่อยากใช้ ให้ออกมาใช้เงิน เพื่อให้เงินได้เงินมาเข้าหมุนเวียนในระบบ เศรษฐกิจ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ได้เฝ้าดูสถานการณ์เศรษฐกิจในต่างประเทศอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็น EU (สหภาพยุโรป) ประเทศตะวันตก (ยุโรปตะวันตก) ประเทศสหรัฐอเมริกา รวมไปถึงประเทศจีน พร้อมทั้งได้นำมาเปรียบเทียบกับสถานการณ์ในประเทศไทย และมีหลายส่วนที่ประเทศไทยมีเหมือนกัน แต่ประเทศเหล่านั้นเป็นประเทศใหญ่และมีเงินมาก แต่เราได้ต้องดูถึงความเหมาะสมกับงบประมาณที่มีอยู่ ซึ่งมีกระทรวงการคลังดูแลตรงนี้อยู่แล้ว

“ทุกประเทศกำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจทั้งหมด มีหลายประเทศแย่กว่าเราอีก แต่เรายังมีศักยภาพ อย่าทำลายศักยภาพของเราเอง ด้วยเรื่องที่ไม่ควรจะทำ เพราะความเชื่อมั่นต่าง ๆ มันจะทำลายลงไปด้วย…ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาของการแข่งขัน ช่วงการแก้ปัญหาเรื่องโควิด รวมถึงเป็นช่วงของการแก้ปัญหาหลังสถานการณ์โควิด เมื่อถึงเวลาจะไม่สามารถฟื้นกลับมามาอีกได้เลย

พร้อมทั้งฝากไปยังประชาชนว่า “ขอให้รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองให้มากที่สุด ให้ช่วยกันเคารพกฏหมาย เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้อื่น”

ส่วนกรณีการชุมนุมในวันที่ 14 ต.ค.นี้ ผู้ชมนุมประกาศว่าจะเดินทางมายังทำเนียบรัฐบาลนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ได้สั่งการเรื่องใดเป็นพิเศษ เพราะมีเจ้าหน้าที่ดำเนินการอยู่แล้ว หลังจากพูดจบนายกรัฐมตรีได้เดินออกจากที่แถลงข่าวทันที เหลือเพียงทีม ครม.เศรษฐกิจใหม่เท่านั้น

ขณะที่ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การพลังงาน กล่าวว่า รัฐบาลได้ นายอาคม เข้ามาเติมเต็ม ที่หลายคนกังวลเรื่องของการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจที่นายกฯนำเรียนสื่อมวลชนไปแล้ว วันนี้ปลอดความกังวลในเรื่องนี้ไปได้เลย การดำเนินการตามมาตรการอย่างนี้จะเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นไปตามเป้าหมาย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กำชับในที่ประชุม ครม. ให้ช่วยกันสนับสนุนมาตรการต่าง ๆ ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและให้มีประโยชน์เต็มที่ในทุกกลุ่ม

ฉะนั้นสื่อมวลชนจะเห็นภาพที่จะเชื่อมโยงต่อเนื่องกันไปในไตรมาส 4 นี้ โดยเม็ดเงินที่จะเข้าสู่เศรษฐกิจประมาณ 2 แสนล้านบาท เป็นงบประมาณของรัฐ 6 หมื่นกว่าล้านบาท ส่วนที่เหลือก็เป็นเหลือจะเป็นในส่วนของรวมไทยสร้างชาติ ประชาชนคนไทยทุกคนมีส่วนร่วมกับรัฐบาลในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ นำประเทศไทยให้กลับมาแข็งแรงมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ในปีนี้

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวต่อว่า วันนี้ทั้งตน นายอาคม และ นายสันติ พร้อมพัฒน์ เราจะมาช่วยกัน ส่วนของตนนอกจากดูเรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว ต้องดูเรื่องการเจริญเติบโตอื่น ๆ ในเรื่องของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติด้วย ซึ่ง รมว.คลัง จะมาเสริมตนในเรื่องของการหามาตรการดี ๆ เข้ามาเสริมในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

“เมื่อวันที่โควิด-19 จบสิ้น หรือการควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีแล้ว ประเทศไทยจะมีความเข้มแข็งและแข็งแกร่งทางการเงิน ที่จะเดินหน้าเติบโตต่อไปได้ นั้นคือวิถีของการทำงานตามนโยบายของนายกฯที่กล่าวถึง รวมไทยสร้างชาติ”