TDRI หวั่นเศรษฐกิจซึมยาว ไม่รู้อีก 3 ปี จะเงยหัวขึ้นหรือไม่

TDRI หวั่นเศรษฐกิจซึมยาว
ภาพโดย Katherine Slade จาก Pixabay

นักวิชาการสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย เผย การเปิดสภาเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่อาจไม่พอ ตอนนี้เศรษฐกิจไทยบาดเจ็บ พังจากฐานราก ไม่รู้อีก 3 ปี จะเงยหัวขึ้นหรือไม่ 

ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) แสดงความเห็นกรณีการชุมนุม ที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศ โดยระบุว่า ส่วนตัวมองว่าความขัดแย้งมีทุกที่ แต่ต้องรู้จักประนีประนอม กรณีนี้เป็นความเห็นต่างคนละเจเนอเรชั่น ผู้ใหญ่ต้องเข้าใจและให้อภัยเด็ก นี่คือลูกหลานที่จะเป็นอนาคตของเรา

“นึกถึงตอนที่เราเป็นวัยรุ่นก็อยากแก้ไขปัญหาเร็วเหมือนกัน ที่สำคัญรัฐบาลต้องบริหารจัดการความขัดแย้งให้ได้ อย่าลืมว่าถ้าคุณ action อะไรไป จะได้รับ re-action อย่างนั้นกลับมา โดยจะต้องปรับไมนด์เซตใหม่ จะมาแบ่งฝ่ายนี้ผิด-ฝ่ายนี้ถูก ไม่ได้ หลักการบริหารความขัดแย้งที่สำคัญคือการเจรจา เพราะไม่ว่าจะจบเร็ว รุนแรง หรือยืดเยื้อ ก็ไม่ดีสำหรับประเทศไทย” ดร.นิพนธ์ กล่าวและว่า

“แนวทางการเปิดสภาเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่อาจไม่พอ ต้องมีแนวทางที่ 2 คู่ขนาน เปิดให้มีการเจรจาซึ่งอาจมีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่สองฝ่ายให้การยอมรับทำหน้าที่เป็นคนกลาง การถอยคนละก้าวนำไปสู่ทางออก ตอนนี้เศรษฐกิจไทยบาดเจ็บ ปากท้องบาดเจ็บ ต่างประเทศขยาด เอือมระอา ที่ทะเลาะกันประจำ ฝ่ายหนึ่งต้องแพ้ตลอด หรือต้องรู้จักรอมชอม ใช้สันติวิธี

ผมชื่นชมนักศึกษาที่ประท้วงโดยสงบ เพราะรู้ว่าถ้านองเลือดนำไปสู่การปฏิวัติไม่ดีแน่ เพียงแต่รอให้ทุกคนยื่นมือออกไปช่วย ขอให้ไว้ใจกัน อย่าตั้งข้อสงสัยว่ามีใครอยู่เบื้องหลัง ให้การสนับสนุนอีกฝ่าย”

ดร.นิพนธ์ กล่าวตอนท้ายว่า เศรษฐกิจติดลบอยู่แล้ว อาจมากกว่า 8% อย่างที่คาดการณ์ ที่น่าห่วงคือวิกฤตครั้งนี้พังจากฐานราก ต่างจากปี 2540 คนไม่มีงานทำ นักศึกษาจบใหม่ไม่มีงานทำ ต้องแก้ก่อน ไม่เช่นนั้นไม่รู้อีก 3 ปี จะเงยหัวขึ้นหรือไม่ เพราะถ้าการเมืองไม่จบ เศรษฐกิจเดินต่อไม่ได้