“ไพบูลย์ นิติตะวัน” ร่อนหนังสือถึง กกต. งัดเทคนิคกฎหมาย ค้ำสถานะ ส.ส.พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์
เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2564 นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ฝ่ายกฎหมายกล่าวว่า ตนได้ยื่นหนังสือลงเลขรับที่ 2294 ถึงประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง กรณีนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พปชร. ยังคงเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังประชารัฐ ด้วยไม่มีเหตุสมาชิกภาพสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(6)
โดยหนังสือมีใจความว่า ตามที่ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.247/2561 คดีหมายเลขแดงที่ อ.317/2564 พิพากษาให้จำคุกจำเลยที่ 4 (นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์) 7 ปี
ทั้งนี้ ตามระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการปล่อยชั่วคราว พ.ศ.2548 ข้อที่ 5 กำหนดว่า
“ในคดีที่ศาลชั้นต้นหรือศาลชั้นอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 3 ปี เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์หรือฎีกา หากจำเลยเคยได้รับการปล่อยชั่วคราวในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นหรือศาลชั้นอุทธรณ์มาก่อน ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวโดยไม่จำต้องส่งให้ศาลชั้นอุทธรณ์หรือศาลฎีกาสั่ง”
นายไพบูลย์กล่าวว่า ดังนั้น กรณีที่ศาลอาญาพิพากษาจำคุกจำเลยที่ 4 (นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์) 7 ปี ด้วยอัตราโทษตามคำพิพากษาข้างต้นเกินกว่า 3 ปี จึงไม่อยู่ในอำนาจของศาลอาญาที่จะพิจารณาสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 4 ในระหว่างอุทธรณ์ แต่เป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์ที่จะพิจารณาสั่งคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 4 เป็นไปตามระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการปล่อยชั่วคราว พ.ศ. 2548 ข้อ 5
นายไพบูลย์กล่าวว่า ซึ่งต่อมาศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 ความว่า พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว จำเลยที่ 4 เคยได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นมาก่อน ไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 4 มีพฤติการณ์จะหลบหนี หรือไม่มาศาลตามกำหนดนัด แม้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 4 แต่โทษจำคุกสำหรับความผิดในแต่ละกระทง ก็ไม่สูงนัก
อีกทั้งจำเลยที่ 4 มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งแน่นอน จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 4 ในระหว่างอุทธรณ์คดี ตีราคาประกันแปดแสนบาท ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาหลักประกันแล้วดำเนินการต่อไป ห้ามจำเลยที่ 4 เดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นแจ้งสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองโดยเร็ว
นายไพบูลย์กล่าวว่า เมื่อเปรียบเทียบกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 12/2562 ลงวันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 คดีระหว่าง คณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ร้อง กับ นายนวัธ เตาะเจริญสุข ผู้ถูกร้อง ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้ปรากฎในหน้าที่ 6 ว่า
“เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าหลังจากศาลจังหวัดขอนแก่นมีคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ ศาลจังหวัดขอนแก่นจึงออกหมายจำคุกระหว่างอุทธรณ์ฎีกาให้จำคุกผู้ถูกร้องไว้นับตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2562 เป็นต้นไป ผู้ถูกร้องจึงเป็นบุคคลซึ่งถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98(6)”
นายไพบูลย์กล่าวว่า ในส่วนที่ว่า “ถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล” อีกด้วย
ดังนั้น เมื่อผู้ถูกร้องต้องคำพิพากษาของศาลจังหวัดขอนแก่นให้ประหารชีวิตและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาลจังหวัดขอนแก่นแล้วตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2562 สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้ถูกร้องจึงสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(6)
นายไพบูลย์กล่าวว่า ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวข้างต้น ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 211 วรรคสี่บัญญัติว่า
“คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ”
ย่อมมีผลผูกพันว่า กรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(6) นั้น จะต้องเป็นกรณีที่ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นจึงออกหมายจำคุกระหว่างอุทธรณ์
“แต่ปรากฏว่า ในกรณีของนายพุทธิพงษ์ ศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ และ ศาลชั้นต้นจึงไม่ได้ออกหมายจำคุกระหว่างอุทธรณ์ ซึ่งแตกต่างจากกรณีของ นายนวัธ เตาะเจริญสุข ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งไม่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ศาลจังหวัดขอนแก่นจึงออกหมายจำคุกระหว่างอุทธรณ์”
นายไพบูลย์กล่าวว่า ดังนั้น ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 12/2562 จึงมีผลผูกพันให้นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังประชารัฐ ยังคงมีสมาชิกภาพความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังประชารัฐ และไม่มีเหตุสมาชิกภาพสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(6)”
นายไพบูลย์กล่าวว่า นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังประชารัฐ ยังคงเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังประชารัฐ ด้วยไม่มีเหตุสมาชิกภาพสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(6) เป็นไปตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 12/2562 ที่มีผลผูกพันคณะกรรมการการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 211 วรรคสี่
นายไพบูลย์กล่าวว่า จะสำเนาหนังสือที่มีถึงประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ไปให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อทราบ และตนเห็นว่ากรณี นายถาวร เสนเนียม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังไม่สิ้นสุดการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เช่นเดียวกันกับ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์