หมอไม่ทน หิ้ว 2 แสนชื่อยื่นสภา ช่วยกดดันรัฐบาลใช้วัคซีน mRNA เป็นตัวหลัก

นักการเมือง รับข้อร้องเรียน หมอไม่ทน-ภาคีบุคลากรสาธารณสุข ให้ไฟเซอร์-โมเดอร์นา เป็นวัคซีนตัวหลัก “พิธา” ก้าวไกล ตามต่อห้องจัดเก็บมีแค่ 1 ตู้ หวั่นเป็นปัญหาเมื่อวัคซีนมาถึง ชี้หมอออกมาเรียกร้องไม่ใช่การเห็นแก่ตัว

วันที่ 7 กรกฎาคม 2564 ที่รัฐสภา ภาคีบุคลากรสาธารณสุข และกลุ่มหมอไม่ทน เข้ายื่นหนังสือต่อประธานรัฐสภา และตัวแทนพรรคการเมืองต่าง ๆ อาทิ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล โดยมี นพ.สันติ กิจวัฒนาไพบูลย์ แพทย์ปฏิบัติทั่วไป โรงพยาบาลเอกชน เป็นตัวแทนในการยื่นหนังสือ

ทั้งนี้ นพ.สันติ อ่านแถลงการณ์ว่า ทางกลุ่มขอเรียกร้องให้รัฐบาลและองค์การเภสัชกรรม พิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอ 1.เร่งรัดการนำเข้าวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA เช่น วัคซีนไฟเซอร์ และวัคซีนโมเดอร์นา โดยลดขั้นตอนการดำเนินการให้กระชับที่สุด และดำเนินการให้รวดเร็วที่สุด

ให้วัคซีน mRNA เป็นวัคซีนหลักในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย
มาบริการฉีดให้แก่ประชาชนทุกคนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เนื่องจากมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ยืนยันว่า วัคซีน mRNA เป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้ครอบคลุมหลายสายพันธุ์ และสามารถลดอัตราการป่วยหนักและเสียชีวิตได้อย่างมีนัยสำคัญ

2.เผยแพร่ข้อมูลกระบวนการในการจัดหาและการกระจายวัคซีนโควิด-19 ให้เป็นปัจจุบัน โปร่งใส สม่ำเสมอและตรวจสอบได้

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ คือลมหายใจ เป็นฮีโร่ในเวลาที่ประเทศไทยสิ้นหวังที่สุด ขณะเดียวกัน เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่ต้องการทำหน้าที่ที่ดีที่สุดและมีครอบครัวของตัวเอง และต้องเสียสละมาดูแลประชาชน สิ่งที่พวกตนพอจะทำได้คือ ยืนยันว่าเสียง 2 แสนชื่อร่วมลงชื่อของทุกคนมีค่า แม้ระบบจะไม่ใช่ประชาธิปไตยได้เกิดขึ้นแล้ว

นอกจาก 2 ข้อ ที่กลุ่มหมอไม่ทนยื่นข้อเสนอ พรรคจะทำให้การจัดซื้อ การเก็บ การกระจายวัคซีน mRNA มีแผนงานชัดเจน และข้อหนึ่งที่เสนอในสภามาตลอด ว่า วัคซีน mRNA ต้องกระจายวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์ เป็นด่านหน้า และด่านสุดท้ายที่ทำให้ระบบสาธารณสุขไม่ล่ม เพราะไม่ว่ามีเครื่องมือ มีวัคซีนดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีบุคลากรทางการแพทย์ พวกเราก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน การเรียกร้องจึงไม่ใช่การเห็นแก่ตัว แต่เป็นการเสียสละของเราที่จะให้บุคลากรทางการแพทย์

“แม้มีความคืบหน้าการนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ 20 ล้านโดส แต่นิ่งนอนใจไม่ได้ จำเป็นต้องติดตามจนกว่าจะมาถึงประเทศไทยจริง ๆ และฉีดให้ประชาชน และบุคลากรทางการแพทย์จริง ๆ ขณะเดียวกัน การจัดเก็บวัคซีน mRNA ที่มีอุณหภูมิ -70 ในงบฯเงินกู้ 1 ล้านล้าน มีงบประมาณ 1 หมื่นล้านที่ใช้จัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ แต่มีแค่ 1 ตู้ ที่สามารถเก็บได้ มูลค่า 1 ล้านบาท เพราะมีปัญหาในการจัดเก็บ ขนาดซิโนแวคยังมีปัญหานับอะไรกับ mRNA” นายพิธากล่าว

ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า 2 แสนรายชื่อที่ลงชื่อมา จะไม่สูญเปล่าต้องนำไปสู่การปฏิบัติ พรรคเพื่อไทยจะรับเรื่องนี้ไปดำเนินการตามข้อเรียกร้องที่เสนอมา ด้วยความห่วงใยบุคลากรทางการแพทย์

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะพรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นพ้องกันว่า แนวทางสำคัญคือวัคซีนคือทางออก และวัคซีนที่ทำอย่างนี้ได้คือวัคซีนที่ทั่วโลกยอมรับคือวัคซีน mRNA พรรคจะทำทุกวิถีทาง ได้นำวัคซีน เร็วที่สุด

ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตอนนี้มี 6 ญัตติด่วน ที่ทุกพรรคการเมืองเสนอไว้ โดยจะมีการนำข้อเรียกร้องของภาคีบุคลากรสาธารณสุข และกลุ่มหมอไม่ทน จะถูกนำไปอภิปรายและลงมติ สภาจะเสนอต่อให้รัฐบาลดำเนินการ และจะมีการสอบถามข้อเท็จจริงในการกำหนดกลุ่มเป้าหมายวัคซีนเฉพาะหน้าไม่สอดคล้องกับหลักวิชาการ มาตรฐานจริยธรรม หรือละเมิดสิทธิของประชาชน

จะอาศัยช่องกรรมาธิการสอบถามข้อเท็จจริงว่าการจัดหาวัคซีนให้ประชาชน เป็นการละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะประกาศให้วัคซีนหลายตัวเป็นวัคซีนทางเลือก ประชาชนต้องสละค่าใช้จ่าย ทั้งที่มีสิทธิตามรัฐธรรมนูญว่าจะได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย มาตรการที่ดำเนินการเป็นเรื่องที่สอง

ด้านนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย กล่าวว่า
บุคลากรทางการแพทย์ ถือเป็นทัพหน้า เราเล็งเห็นและฟังเสียงให้รัฐบาลหาเข็มที่ 3 อาจเพราะวัคซีนเข็มที่ 1-2 ไม่เพียงพอ ดังนั้น รัฐบาลควรเร่งจัดหาวัคซีนมาฉีดให้กับประชาชน