เพนกวินพร้อมพวก “นอนคุก” ลั่นถูกพรากอิสรภาพ เพียงเพราะต่อสู้เพื่ออุดมการณ์

เพนกวิน
FILE PHOTO : Lillian SUWANRUMPHA / AFP

ศาลธัญบุรี ไม่ให้ประกันเพนกวินกับพวก เเกนนำผู้ต้องหาป่วน บก.ตชด.ภ.1 ชี้ กระทำการไม่เกรงกลัวกฎหมาย เสี่ยงแพร่เชื้อโควิด หากปล่อยไปอาจจะก่อเหตุอีก เพนกวินโพสต์ถูกพรากอิสรภาพเพียงเพราะสู้เพื่ออุดมการณ์

วันที่ 10 สิงหาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (9 ส.ค.) ที่ศาลจังหวัดธัญบุรี พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า นำตัวผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดธัญบุรีมาส่งศาลพร้อมยื่นคำร้องขอฝากขังครั้งที่ 1 เป็นคดีหมายเลขดำที่ ฝ 382-390/2564 ผู้ต้องหาได้แก่ 1.นายพรหมศร วีระธรรมจารี 2.นายแซม สาแมท 3.นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ 4.นายณัฐชนน ไพโรจน์ 5.นายสิริชัย นาถึง 6.นายชาติชาย แกดำ 7.นายภาณุพงศ์ จาดนอก 8.น.ส.ปนัดดา ศิริมาศกุล 9.นายธนพัฒน์ กาเพ็ง ตามลำดับ โดยพนักงานสอบสวนยื่นคำร้องฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 9 มีข้อหาดังนี้

ข้อหาที่ 1 มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยผู้กระทำความผิดเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ ในการกระทำความผิดนั้น (ผู้ต้องหาลำดับที่ 2 ไม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ)

ข้อหาที่ 2 ร่วมกันจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดที่มีจำนวนรวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 5 คน

ข้อหาที่ 3 ร่วมกันจัดให้มีการชุมนุมหรือกิจกรรมที่มี ความเสี่ยงการแพร่โรคในพื้นที่ที่ประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดและพื้นที่ควบคุมสูงสุดโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

ข้อหาที่ 4 ร่วมกันกระทำการหรือดำเนินการใด ๆ ซึ่งอาจก่อสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคแพร่ระบาดออกไป

ข้อหาที่ 5 ร่วมกันจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข็มงวดที่มีการรวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 5 คน อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดปทุมธานี ที่ 7022/2564 เรื่อง กำหนดมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ลงวันที่ 18 ก.ค. 2564 ข้อ 8

ข้อหาที่ 6 ร่วมกันทำการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต (ยกเว้นผู้ต้องหาลำดับที่ 2 และ 5)

ข้อหาที่ 7 ร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจและร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ (ยกเว้นผู้ต้องหาลำดับที่ 1, 3, 6 และ 9)

พฤติการณ์ตามที่ถูกกล่าวหาสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้จับกุมนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ดาวดิน กับพวก มาควบคุมที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 ม.6 ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.คลองห้า

ต่อมาวันเดียวกัน (2 ส.ค.) ได้มีนายพริษฐ์, นายณัฐชนน, น.ส.ปนัดดา, นายภาณุพงศ์, นายธนพัฒน์, นายพรหมศร, นายชาติชาย, นายสิริชัย เป็นแกนนำหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการให้มีการมั่วสุมกัน มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก ตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย ให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง

นายพริษฐ์กับพวก มีการสลับกันขึ้นพูดปราศรัยบนรถที่มีเครื่องขยายเสียง โดยไม่มีการขออนุญาต มีการพูดปลุกเร้า กดดันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยตัวนายจตุภัทร์ กับพวกที่ถูกจับกุมและควบคุมตัวอยู่ภายใน บก.ตชด.ภ.1 ออกมา และมีการก่อความวุ่นวายโดยใช้รถยนต์ปิดกั้นถนนลักษณะเป็นการขัดขวางการจราจรทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนวุ่นวายในบ้านเมือง ทั้งยังได้ปราศรัยโจมตี การทำงานของเจ้าหน้าที่และรัฐบาล

​เวลา 15.00 น. ทนายความของผู้ต้องหาลำดับที่ 1-9 ขอคัดค้านการขอฝากขังครั้งที่ 1 และขอให้ศาลไต่สวนพนักงานสอบสวน ศาลออกนั่งพิจารณาโดยมีบุคคลที่ผู้ต้องหาทั้ง 9 คน ไว้วางใจเข้าร่วมฟังการพิจารณาหน้า ห้องพิจารณาคดีที่ 9 ก่อนการไต่สวนศาลได้อ่านและอธิบายคำร้องขอฝากขังของพนักงานสอบสวนและแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ผู้ต้องหาทราบ

เวลา 21.00 น. ศาลอ่านคำสั่งคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาลำดับที่ 1, 3, 4, 5, 6, 7, 8 และ 9 พิเคราะห์พยานหลักฐานชั้นไต่สวนคำร้องและคำแถลงคัดค้านแล้ว เห็นว่า เจ้าพนักงานตำรวจใช้อำนาจควบคุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ คดีมีหลักฐานตามสมควรว่าผู้ต้องหาน่าจะได้กระทำความผิดอาญาที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3 ปี เมื่อผู้ต้องหาไม่ได้รับการปล่อยชั่วคราว และมีเหตุจำเป็นที่จะสอบสวน พนักงานสอบสวนชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ออกหมายขังได้ เมื่อพนักงานสอบสวนยังดำเนินการสอบสวนไม่แล้วเสร็จ กรณีมีเหตุจำเป็นเพื่อทำการสอบสวนต่อไป จึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาได้ตามขอ

​เวลา 21.05 น. ศาลอ่านคำสั่งคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาลำดับที่ 2 พิเคราะห์พยานหลักฐานชั้นไต่สวนคำร้องและคำแถลงคัดค้านแล้ว เห็นว่า เจ้าพนักงานตำรวจใช้อำนาจควบคุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ คดีมีหลักฐานตามสมควรว่าผู้ต้องหาน่าจะได้กระทำความผิดอาญาและถูกดำเนินคดีในลักษณะเดียวกันกับความผิดที่ถูกกล่าวหาในคดีนี้ มีเหตุอันควรเชื่อว่าจะก่อเหตุอันตรายประการอื่น เมื่อผู้ต้องหาไม่ได้รับการปล่อยชั่วคราว และมีเหตุจำเป็นที่จะสอบสวน พนักงานสอบสวนชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ออกหมายขังได้ เมื่อพนักงานสอบสวนยังดำเนินการสอบสวนไม่แล้วเสร็จ กรณีมีเหตุจำเป็นเพื่อทำการสอบสวนต่อไป จึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาได้ตามขอ​

​ศาลแจ้งสิทธิในการขอปล่อยชั่วคราว ผู้ต้องหาลำดับที่ 1-9 ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวต่อศาล กระทั่ง ​​เวลา 21.40 น. ศาลอ่านคำสั่งคำร้องขอปล่อยชั่วคราวของผู้ต้องหาลำดับที่ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 และ 8 ว่า พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าตามข้อกล่าวหาผู้ต้องหาได้กระทำการโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง

ทั้งไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยของสังคมโดยรวมในภาวะที่เกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในวงกว้าง ทั้งที่ผู้ต้องหาอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีอื่นอันเป็นพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าผู้ต้องหาไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย หากปล่อยชั่วคราวไปเชื่อว่าผู้ต้องหาจะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่นอีก ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 108/1 (3) ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว จึงไม่มีเหตุที่จะปล่อยชั่วคราวระหว่างสอบสวน ให้ยกคำร้อง แจ้งคำสั่งให้ผู้ต้องหาและผู้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวทราบเป็นหนังสือโดยเร็ว

เวลา 21.50 น. ศาลอ่านคำสั่งคำร้องขอปล่อยชั่วคราวของผู้ต้องหาลำดับที่ 9 ว่า พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าตามข้อกล่าวหาผู้ต้องหาได้กระทำการโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง ทั้งไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยของสังคมโดยรวมในสภาวะที่เกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในวงกว้าง

หากปล่อยชั่วคราวไปเชื่อว่าผู้ต้องหาจะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่นอีก ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 108/1 (3) ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว จึงไม่มีเหตุที่จะปล่อยชั่วคราวระหว่างสอบสวน ให้ยกคำร้อง แจ้งคำสั่งให้ผู้ต้องหาและผู้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวทราบโดยเร็วเป็นหนังสือโดยเร็ว​​

ในวันเดียวกัน (9 ส.ค.) ช่วงเวลาประมาณ 22.30 น. ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Phimchanok Jaihong ถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊ก ปรากฏภาพกลุ่ม คฝ. ยืนประจำการที่ศาลธัญบุรีเพื่อนำตัวนายพริษฐ์ และนักกิจกรรมทั้ง 8 รายขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหาไปยังเรือนจำธัญบุรี โดยก่อนหน้านี้มีการทำอารยะขัดขืนภายในห้องควบคุมตัวรายงานของมติชน

ในคลิปดังกล่าว นายพริษฐ์ตะโกนว่า ตนชื่อเพนกวิน มาเรียกร้องประชาธิปไตย แต่ถูกตำรวจจับกุม คุมขัง ทั้งยังมีเสียงร้องของนายพริษฐ์ว่า “ช่วยด้วย” รวมถึงส่งเสียงครวญคราง

ขณะที่นางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดาตะโกนว่า “พี่พีท (ชื่อเล่นของนายพริษฐ์) ดูแลตัวเอง ดูแลเพื่อน ๆ เข้มแข็ง ช่วยด้วย ช่วยด้วย เพนกวินร้องขอความช่วยเหลือ ช่วยเพนกวินด้วย ช่วยทุกคนด้วย”

หลังจากรถควบคุมผู้ต้องหาเคลื่อนตัวออกไป นางสุรีย์รัตน์กล่าวว่า ดูคนที่เขาทำร้ายลูกหลาน มีทั้งเด็กอายุ 18 มีทั้งผู้หญิง ทนอยู่ในประเทศนี้ได้อย่างไร ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว

สารจากพริษฐ์ ถึงประชาชนผู้รักประชาธิปไตย

จากนั้น ที่เฟซบุ๊กของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ได้โพสต์วิดีโอผ่านเฟซบุ๊ก ความว่า สารสั่งลาถึงพ่อแม่พี่น้องประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่านจากเพื่อนนักสู้เพื่อประชาธิปไตยของเรา เพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ ที่ถูกพรากอิสรภาพไปเพียงเพราะต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ เพื่ออิสรภาพ เพื่อที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งความหวัง เป็นประเทศที่เป็นประชาธิปไตย และเป็นที่ที่ทุกคนจะมีความเท่าเทียมกันทุกคนไม่ว่าจะเกิดมาจากชนชั้นไหน ตระกูลใดก็ตาม

“ขอให้พี่น้องทุกคนจงยึดมั่นในแนวทางการต่อสู้ของพวกเราต่อไป เพื่อที่ซักวันนึงประเทศไทยจะเป็นประเทศที่เป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์”

สามารถติดตามข่าวการชุมนุมเพิ่มเติมได้ที่เพจ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม – United Front of Thammasat and Demonstration