ประยุทธ์ จัดแถวข้าราชการ กองทัพ คลายล็อกโควิด รับงบประมาณใหม่

รายงานพิเศษ

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่ง “สัญญาณบวก” เมื่อตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด “กดหัวลง” อย่างมีนัยสำคัญ และเตรียมเข้าสู่ “โหมดคลายล็อก” เพื่อรองรับการ “เปิดประเทศอย่างปลอดภัย” ตั้งแต่เดือนกันยายน 2564 เป็นต้นไป

นับตั้งแต่การระบาดของ “โควิดระลอกแรก” ในเดือนเมษายน 2563 จนถึงการระบาดโควิดรอบใหม่-เมษายน 2564 “รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ต้องทำศึกกับ “สงครามโควิด” ขนาบด้วยวิกฤตเศรษฐกิจ-มรสุมการเมืองรอบทิศทาง

อย่างไรก็ดี “รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์” ใช่ว่าจะตั้งรับ-หลังพิงฝา แต่ใช้จังหวะชุลมุนคนให้ความสนใจ “ม็อบดินแดง” ผ่านร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 “เม็ดเงิน” 3.1 ล้านล้านบาท “ไม่ยากเย็น”

ขณะเดียวกันรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ยัง “เดินหมาก” จัดทัพกำลังพล-กองทัพ และ “สายพลเรือน” ระดับสูง เพื่อเป็นแขน-ขา ตราบเท่าที่ยังอยู่ในวาระ และต้อนรับปีงบประมาณใหม่-ต่อปีงบประมาณปี’66 ก่อนครบวาระ-เลือกตั้งใหม่

ในระนาบ “ปลัดกระทรวง” “สุทธิพงษ์ จุลเจริญ” ค้ำถ่อจากอธิบดีกรมพัฒนาชุมชน มานั่ง “ปลัดกระทรวงมหาดไทย” เป็น “สิงห์ดำ” มากคอนเน็กชั่นเข้าได้กับบ้านทุกหลัง รับไม้ต่อสานภารกิจ “จัดการเลือกตั้ง” ในปี’66 ทิ้งทวนก่อนเกษียณปี’67

“ว่าที่ปลัดกระทรวงป้ายแดง” อีกคนที่ “ร้อนแรง” ไม่แพ้กัน คือ “บุญชอบ สุทธมนัสวงษ์” ที่ “ข้ามห้วย” จากตำแหน่งหัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็น “ปลัดกระทรวงแรงงาน”

คนที่จะมาเป็น “ปลัดคู่บุญ” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในช่วงที่สถานการณ์โควิด “บีบหัวใจ” ผู้ประกอบการ-ลูกจ้าง จึงต้องเป็นคนที่รู้มือ-รู้ใจเป็นอย่างดี

“สุชาติ” ให้ความสำคัญกับการแต่งตั้งปลัดกระทรวงมาก เนื่องจากต้องการ “คนทำงาน” มาเป็นมือ-เป็นไม้ในการทำงาน ไม่ว่าจะถูกเขย่าเก้าอี้จับกัง 1 แรงขนาดไหน เขาเปรยกับคนใกล้ชิด ขอวางรากฐานหัวหน้าส่วนกระทรวงแรงงานก่อน

ทว่าเสียงสะท้อนหลังจาก ครม.มีมติแต่งตั้ง “ปลัดแรงงานคนใหม่” ไม่ได้พูดถึงเรื่อง “ฝีไม้ลายมือ” ในการทำงาน แต่เป็น “บิ๊กดีล” เนื่องจาก “บุญชอบ” เคยเป็น “สายตรง” ยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตขุนพลทักษิณ-ยุคไทยรักไทยรุ่งเรือง

ขณะเดียวกันในระนาบ “พ่อเมือง” พื้นที่จังหวัด “สีแดงเข้ม” โยก “ผู้ว่าฯหมูป่า” ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร จากผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง มารับ “งานหิน” กู้วิกฤตโควิด-19 เป็น “ผู้ว่าฯปทุมธานี” มาช่วยงานใน “จังหวัดกันชน” ไม่ให้กรุงเทพมหานครต้องถูกโควิดตีแตกพ่าย-ทำงานใกล้มือเบอร์ 1 ตึกไทยคู่ฟ้า

อีกตำแหน่งที่เป็น “หัวใจ” ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ใน “ยุคโควิด” และ “ม็อบดินแดง” ครองเมือง ต้องได้ทั้งบู๊-ทั้งบุ๋น ชื่อ “บิ๊กไก่” พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เสนาธิการทหารบก จึงอยู่ในโผ “ข้ามห้วย” มาคั่ว “เลขาฯสภาความมั่นคงแห่งชาติคนใหม่”

ด้านกองทัพมีตำแหน่งที่จะ “สับเปลี่ยนกำลัง” ได้แก่ 1.ปลัดกระทรวงกลาโหม 2.ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) และ 3.ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.)

โดย พล.อ.ประยุทธ์จะนั่งหัวโต๊ะ “สภากลาโหม” ทุบโต๊ะร่วมกับ “7 เสือกลาโหม”

นอกจากตำแหน่งแม่ทัพ-นายกองระดับ “ผู้บังคับบัญชา” แล้ว ไฮไลต์ที่ทุกสายตาต้องจับจ้อง คือ ไลน์ “5 เสือ ทบ.” เพราะจะทำให้เห็นหน้า-เห็นหลัง “ผบ.ทบ.คนต่อไป”

คนที่จะมา “กุมหัวใจนักรบ-กำลังรบ” ใน “กองกำลังปฏิวัติ” แทน “บิ๊กบี้” ที่จะเกษียณอายุราชการในปี 2566

ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.ประยุทธ์ 5) ยังต้องรอหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี-5 รัฐมนตรีพรรคแกนนำ-พรรคร่วมรัฐบาล เพื่อ “รีเฟรช” หลังจากบาดเจ็บจาก “พิษโควิด”จนรัฐมนตรีหลายคนบอบช้ำ

นอกจากนี้หลังโควิด-19 วิกฤตเศรษฐกิจจะกลายเป็น “โจทย์ยาก” ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ “ทีมเศรษฐกิจ” จึงต้อง “แอ็กทีฟ” กล้าได้กล้าเสียในการออกแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่-ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ

โดยต้องจับสัญญาณ “อาฟเตอร์ช็อก” หลังศึกซักฟอกจาก “กลุ่ม 4 ช.” ในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่อาจจะมีการขยับ-เคลื่อนไหวเพื่อ “เดินเกม” เขี่ยลูกเก้าอี้ “เจ้ากระทรวง” โดยใช้ “ข้ออ้าง” เพื่อเตรียมสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า

หากจับพลัดจับผลูพลังประชารัฐ “พรรคแตก” พี่น้อง 3 ป. ยังมี “ปลัดฉิ่ง” ฉัตรชัย พรหมเลิศ ที่ “ปลดระวาง” เกษียณอายุราชการจากกระทรวงคลองหลอดมาสานต่อภารกิจตั้ง “พรรคสำรอง” เพื่อเป็น “พรรคอะไหล่” ให้อำนาจ 3 ป. “เต็มตัว”

ละครโรงใหญ่ของพรรคฝ่ายค้าน ทั้งการแก้รัฐธรรมนูญ-ศึกซักฟอก ซึ่งหมายมั่นปั้นมือเตะสกัด “ระบอบ คสช.” อาจกลายเป็นเพียงวิมานในอากาศ เพราะอำนาจบริหาร-นิติบัญญัติ สภาสูง-สภาล่าง และอำนาจพิเศษอยู่ในกำมือ พล.อ.ประยุทธ์