เลือกตั้งบัตร 2 ใบ สูตรการเมือง 4 แบบ 2 ขั้ว

วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กุนซือกฎหมายรัฐบาล บอกเป็นนัยถึงการเลือกตั้งใหม่ว่า จะเกิดขึ้นหลังกฎหมายลูก 2 ฉบับ อันประกอบด้วย พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ประกาศใช้เป็นกฎหมาย ตรงช่วงเดือนกรกฎาคม 2565 ก็อาจจะมีแรงกดดันมายังรัฐบาลเพื่อให้มีการยุบสภา

อย่างไรก็ตาม หัวใจของการเลือกตั้งก็คือ “กติกา” เลือกตั้ง ที่บัญญัติอยู่ใน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นเลือกตั้งบัตร 2 ใบ แต่ที่ยังถกเถียงกัน คือ สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ขณะนี้ทั้ง กกต.และพรรคการเมือง ต่างเสนอกัน 2 ขั้ว 4 สูตร ที่ต่างกันในรายละเอียด กล่าวคือ

ขั้วที่ 1 ใช้กติกาย้อนกลับไปการเลือกตั้งปี 2554 เป็น สูตรที่หนึ่ง พรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ เห็นไปในทางเดียวกัน

โดยวิธีคำนวณให้ดูผลคะแนนเลือกตั้งรวมของ ส.ส.บัญชีรายชื่อทั้งประเทศ จากนั้นหารด้วย 100 เช่น ในปีการเลือกตั้งปี 2554 มีผู้ลงคะแนนในระบบปาร์ตี้ลิสต์ 35 ล้านเสียง นำมาหาร 100 ก็จะได้สัดส่วนคะแนนที่จะได้ ส.ส.พึงมี 350,000 ต่อ ส.ส. 1 คนขึ้นไป ซึ่งขึ้นอยู่กับคะแนน ซึ่งหากไม่ได้ 1% ก็จะไม่ได้ ส.ส.ในกรณีที่เหลือเศษ ก็จะดูว่าที่ได้ “1% ขึ้นไป” นั้น พรรคไหนที่เหลือเศษมากที่สุดก็จะได้ ส.ส.เพิ่ม

ขั้วที่ 2 ใช้สูตร “ส.ส.ปัดเศษ” ให้พรรคเล็กได้มีที่ยืน มี 3 สูตรที่ใกล้เคียงกันเป็นสูตรที่สอง ที่พรรคชาติไทยพัฒนา จับมือกับพรรคภูมิใจไทย คือ นำคะแนนที่เลือกพรรคการเมืองทุกพรรคทั่วประเทศรวมกัน หารด้วยจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน เพื่อให้ได้คะแนนที่พึงมีของ ส.ส. 1 คน เช่น เมื่อหารคะแนนได้คะแนนพึงมี 3.5 แสนคะแนน จะเท่ากับพรรคไหนที่ได้คะแนนดังกล่าวจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน

หากได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่ครบ 100 คน ให้คิดคะแนนจากเศษคะแนน โดยให้สิทธิทุกพรรค นำคะแนนเศษจัดลำดับอันดับสูงสุด เพื่อคำนวณหา ส.ส.ที่เหลือ เพื่อให้ครบจำนวน 100 คน ซึ่งกรณีดังกล่าวจะทำให้พรรคขนาดเล็กมีสิทธิได้ที่นั่งในสภา

จะเหมือนกับสูตรของ กกต.เป็นสูตรที่สาม กกต.ตั้งตุ๊กตาไว้ โดยให้นำคะแนนที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับเลือกตั้งทั้งประเทศมารวมกัน หารด้วย 100 เพื่อให้ได้คะแนนต่อ ส.ส. 1 คนและหากจัดสรรแล้วยังได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่ครบ 100 คน ก็จะจัดสรรให้พรรคที่เหลือคะแนนเศษมากตามลำดับ

สูตรที่สี่ของพรรคประชาธิปไตยใหม่ ที่ล้อไปกับสูตรของชาติไทยพัฒนา x ภูมิใจไทย และ กกต. ให้ “ปัดเศษ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยเรียงลำดับจากมากไปน้อย และจัดสรร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เพิ่มให้พรรคการเมืองตามลำดับเศษคะเเนน จนครบ 100 คน

แต่ทั้งหมดยังต้องไปเขย่าขวดกันตอนยกร่างกฎหมายลูก ภายหลังรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ที่นายกรัฐมนตรีได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ มีผลบังคับใช้