ศึกแห่งศักดิ์ศรีเลือกตั้งหลักสี่ เพื่อไทยทวงแชมป์-พรรคกล้าตัดแต้ม พปชร.

เลือกตั้งซ่อม
รายงานพิเศษ

 

 

สนามเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขต 9 หลักสี่-จตุจักร (ยกเว้นแขวงจตุจักร และแขวงจอมพล) กลายเป็น “ศึกสามเส้า” ระหว่างพรรคการเมืองปีกซ้าย-สายกลาง-ปีกขวา

พลังประชารัฐ-แชมป์เก่า งัดท่าไม้ตาย “เมียสิระ” สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ หรือ “มาดามหลี” รักษาเก้าอี้ เดิมพันด้วย “ค่าใช้จ่าย” ที่นายสิระต้อง “ชดใช้” ในการ “เลือกตั้งซ่อม”

ไม่นับรวมรายได้-เงินเดือนและผลตอบแทนจากการนั่งเก้าอี้สภาผู้ทรงเกียรติไม่ต่ำกว่า 8.5 ล้านบาท

พรรคฝ่ายขวาอีก 1 พรรค คือ พรรคไทยภักดี ของ “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรค ประเดิมสนามเลือกตั้ง (ซ่อม) แรก ของพรรคพสกนิกร “สาขาสอง” ส่ง พันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์

ขณะที่พรรคเพื่อไทย ขั้วตรงข้ามรัฐบาล ส่ง “สุรชาติ เทียนทอง” ที่ได้คะแนนเป็นอันดับ 2 จากการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 เลือกตั้งซ่อมครั้งนี้หวังแก้มือ ขณะที่พรรคก้าวไกล ดึง “กรุณพล เทียนสุวรรณ” หรือ เพชร กรุณพล ออกจากกองละคร จับแต่งตัวมาลงสมัครเลือกตั้งซ่อมในครั้งนี้

พรรคกล้า ส่งอดีต ส.ส.กทม. พรรคเก่าแก่ 2 ระบบ เขตใหญ่เรียงเบอร์-เขตเดียวเบอร์เดียว “เอ๋” อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า เพื่อเป็น “แต้มต่อ” ในการทำการเมืองแบบไม่แบ่งฝ่าย-ไม่สุดขั้ว ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

หมอวรงค์ แค้นฝังหุ่น ชัยวุฒิ

การเลือกตั้งซ่อม เปรียบเสมือน “ศึกแห่งศักดิ์ศรี” เพราะมีแกนนำระดับขุนพลภาค-คีย์แมนของแต่ละพรรคถือธงรบ-กุมบังเหียนเป็นแม่ทัพสมรภูมิมหานคร

โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ กับ “พรรคหมอวรงค์”

“เสี่ยโอ๋” ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พลังประชารัฐ-รมว.ดีอีเอส ลงมาบัญชาการเกมเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขต 9 ด้วยตัวเอง

ขณะที่พรรคไทยภักดี ส่งผู้อำนวยการเลือกตั้ง-นายทินกร ปลอดภัย “มือขวาระดับลูกนอกไส้” ของ นายถาวร เสนเนียม ที่เคยเป็นคนหนุนหลังให้หมอวรงค์ชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

“หมอวรงค์” หัวหน้าพรรคไทยภักดี แถลงตอนหนึ่งระหว่างเปิดตัว “พันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์” ผู้ลงรับสมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขต 9 ตอนหนึ่งว่า

“ยังคงสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ไม่โกง แต่ไม่ได้สนับสนุนรัฐมนตรีทุกคน พรรคไทยภักดีได้เคยเรียกร้องให้มีการตรวจสอบ รมว.คมนาคม ในโครงการรถไฟทางคู่ ร้องให้ตรวจสอบ รมว.ดีอีเอส ในการประมูลดาวเทียมไทยคมที่ผ่านมา เรื่องได้ไปถึง ป.ป.ช.แล้ว”

ปัจจุบัน “หมอวรงค์” ยังถูก ไทยคม-กัลฟ์ “ฟ้องแพ่ง” รวมกัน 220 ล้านบาท

สนามเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขต 9 หลักสี่-จตุจักร เป็นมากกว่าศึกชิงเก้าอี้ในสภา แต่เป็นการสางแค้น-คิดบัญชีนอกสำนวนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

10 เหตุผลประชาธิปัตย์ถอย

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ กลายเป็นพรรคการเมืองที่ไม่ส่งลงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขต 9 หลักสี่-จตุจักร โดยให้เหตุผลเป็นเรื่อง “มารยาททางการเมือง” ของพรรคร่วมรัฐบาล-ไม่ส่งลงแข่งขันกับเจ้าของเก้าอี้เดิม-พรรคพลังประชารัฐ

“องอาจ คล้ามไพบูลย์” รองหัวหน้าภาค กทม.-ประชาธิปัตย์ และกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) อีกรายหนึ่งที่คลุกคลีอยู่ในสนาม กทม. ทั้งใน-นอกฤดูเลือกตั้ง เปิดเผยถึง 10 เหตุผล ไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขต 9 หลักสี่-จตุจักร

1.คะแนนของคู่แข่ง (เพื่อไทย) ที่เคยได้อันดับ 2 เป็นคะแนนจัดตั้ง ปชป.ส่งลงไปก็หาคะแนนเพิ่มได้ยาก 2.ส่งไปแล้วตัดแต้มกับพรรคไทยภักดี พรรคกล้า รวมถึงพรรคพลังประชารัฐ-โอกาสชนะน้อย (ฐานเสียงเดียวกัน)

3.อายุสภาเหลือเพียง 1 ปี 4.ไม่มีนัยสำคัญต่อการเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้า 5.หวังการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.มากกว่า (มีนัยต่อเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้า) 6.ส่งแล้วต้องชนะ

7.การเลือกตั้งแต่ละครั้งไม่มีสูตรสำเร็จ (การเลือกตั้งซ่อม ประชาชนเลือกที่ตัวผู้สมัคร) 8.พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตผู้สมัคร ไม่ติดใจที่พรรคไม่ส่งลงรับสมัคร 9.พรรคจะพิจารณาการส่งคนเลือกตั้งซ่อมเป็นคราว ๆ ไป และ 10.เพื่อความเหมาะสม

เพื่อไทยมั่นใจ “สุรชาติ” เข้าวิน

ด้านพรรคเพื่อไทย “สุรชาติ เทียนทอง” รองแชมป์เก่า ห่างจาก “สิระ เจนจาคะ” แค่ 2,700 แต้ม

มาคราวนี้ มั่นใจว่าจะล้มบ้าน “เจนจาคะ” เข้าป้ายได้สำเร็จ งัดกลยุทธ์เคาะทุกประตูบ้าน ลุยตลาดสด ชูจุดแข็งที่เกาะพื้นที่มายาวนาน 17 ปี

วางแผนจัดปราศรัย 2 รอบ รอบแรกในวันที่ 14 มกราคม ที่ชุมชนเสนานิคม 2 (พหลโยธิน 34) แม้ในช่วงโควิด-19 จะบุกกรุงเทพฯ แต่พรรคเพื่อไทยไม่ได้หวาดหวั่น ขนทัพย่อยร่วมเวที

นำทีมโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค-สุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค ประธานวิปฝ่ายค้าน-จิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.

และการปรากฏตัวบนเวทีปราศรัยครั้งแรกของ “จาตุรนต์ ฉายแสง” หลังกลับเข้ามาสู่ชายคาพรรคเพื่อไทยอีกรอบ

จากนั้น วันที่ 28 มกราคม ปราศรัยใหญ่ปิดท้ายก่อนถึงคิวเลือกตั้ง วันที่ 30 มกราคม โดยมีบุคคลสำคัญ ๆ แกนนำพรรคเพื่อไทย ไปร่วมปราศรัยทั้งหมด

วงในพรรคเพื่อไทยประเมินว่า “สุรชาติ” จะเข้าวินเป็น ส.ส.แน่นอน เพราะคู่แข่งอย่าง “มาดามหลี” จากพรรคพลังประชารัฐ ไม่ใช่ “สิระ” แม้จะเป็นภรรยาของ “สิระ” แต่องค์ประกอบในการตัดสินใจของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ไม่ใช่เลือกเฉพาะพรรคที่สังกัดเท่านั้น แต่เป็นการตัดสินใจเลือกเรื่อง “ชื่อชั้น”

“ในสนามเลือกตั้ง มาดามหลี ยังใหม่มากในสนามการเมือง แม้เป็นภรรยาของนายสิระ และที่ผ่านมาไม่ใช่นักการเมือง แต่นายสุรชาติ ทุกคนรู้ว่าเป็นนักการเมืองในพื้นที่ ชื่อ-ชั้น ต่างกัน”

ขณะที่โจทย์ใหญ่อีกหนึ่งโจทย์ที่ สุรชาติ พรรคเพื่อไทย ต้องฝ่าไปให้ได้คือ “เพชร กรุณพล” กรุณพล เทียนสุวรรณ คู่แข่งจากพรรคก้าวไกล ที่จะมาตัดคะแนนเพื่อไทยโดยตรง

เพราะเรื่องการแข่งขันในสนามเลือกตั้งปี 2562 เคยมีเรื่องเล่าในสภาว่า หลังจบการเลือกตั้ง “สิระ” ที่ได้เป็น ส.ส. เข้าไปขอบคุณ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” ซึ่งขณะนั้นยังเป็นเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ และยังทำหน้าที่เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ

เพราะคะแนนของอนาคตใหม่ “กฤษณุชา สรรเจริญ” ดันไปตัดคะแนนพรรคเพื่อไทยอย่างจัง เนื่องจากเป็นพรรคการเมืองขั้วเดียวกัน ทำให้ “สิระ” เข้าวิน เฉือนไปแค่ 2,700 คะแนนเศษ

ครั้งนี้ วงในพรรคเพื่อไทยประเมินเสียงของ “ก้าวไกล” ว่า ตัดคะแนนพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง

“เป็นที่รับรู้กันตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2562 เพราะถ้าถอดสมการว่าคะแนนที่หายไปของพรรคเพื่อไทย แล้วไปโป่งตรงไหน ค่อนข้างชัดเจน และในเขตที่ไม่มีพรรคเพื่อไทย แล้วมีพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เมื่อ ทษช.ถูกยุบ พรรคก้าวไกลก็ได้รับเลือกตั้งขึ้นมา มันตอบได้ว่าเป็นคะแนนที่เกี่ยวกัน”

“แต่ตัวผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยค่อนข้างได้เปรียบ เพราะเป็นอดีต ส.ส. ลงพื้นที่ต่อเนื่อง เข้าใจปัญหา มีฐานเสียงสนับสนุน ลงพื้นที่ต่อเนื่องมาหลายปี ไม่ใช่เฉพาะตอนเลือกตั้งซ่อมเท่านั้น จึงเป็นตัวชี้วัดในเรื่องความนิยมว่า ถ้าคนตัดสินใจไว้วางใจใคร ‘สุรชาติ’ ต้องเหนือกว่าคนอื่น” แหล่งข่าวกล่าว

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ที่ตัดสินใจไม่ส่ง พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ได้ 15,102 คะแนน จากการเลือกตั้งปี 2554 มาคราวนี้คะแนนจะไปอยู่ฝั่งพรรคพลังประชารัฐได้ หรืออยู่ฝั่งไหน

แหล่งข่าวในเพื่อไทยประเมินว่า แม้ไม่มีพรรคประชาธิปัตย์ลงสนาม แต่ยังมีพรรคกล้า ที่แตกจากพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคไทยภักดีที่คอยตัดคะแนนพรรคพลังประชารัฐ

คะแนนที่เชียร์พรรคประชาธิปัตย์อาจไม่เยอะ แต่เมื่อไม่มีพรรคประชาธิปัตย์ คะแนนจะไหลไปยังพรรคกล้าเยอะที่สุด ส่วนไทยภักดีมีฐานคะแนนของพรรคอยู่แล้ว ซึ่งกล่องคะแนนน่าจะเป็นกล่องเดียวกับพรรคพลังประชารัฐ ไม่ใช่แค่พรรคเพื่อไทย ตัดกับก้าวไกล แต่พรรคพลังประชารัฐก็ถูกพรรคกล้า พรรคไทยภักดี ตัดคะแนนเช่นกัน”

วางตัวเป็น กมธ.งบประมาณ

ขณะที่ “กรุณพล เทียนสุวรรณ” จากพรรคก้าวไกล ที่ถูกวางเป็น “มวยรอง” ไม่ต่างจากพรรคกล้า และพรรคไทยภักดี ฉวยจังหวะที่คะแนนนิยม “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ตัวแทนพรรคพลังประชารัฐลดฮวบฮาบ

ขอโอกาสให้พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้ง และได้เก้าอี้ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านเพิ่มในรัฐสภา เพื่อไปตรวจสอบและถ่วงรัฐบาล ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ

“เราไม่ได้เลือก ส.ส.เพียงแค่คนเดียว เราไม่ได้เลือก ส.ส.ฝ่ายค้านไปต่อว่ารัฐบาล แต่วันนี้ผมมานำเสนอนโยบายของพรรคก้าวไกล ว่าเมื่อเราได้เสียงพอจัดตั้งรัฐบาล เราสามารถที่จะบริหารงบประมาณที่จะมาดูแลพี่น้องประชาชนได้ทันที สิ่งที่เราจะทำ”

“เราทำเพื่อประชาชนทุกคน เพราะพรรคก้าวไกล เราไม่เคยที่จะประนีประนอมกับผู้มีอิทธิพล ผลประโยชน์ ทุนผูกขาด”

“เราไม่เคยกลัว ทุกสิ่งที่เราทำ เราทำเพื่อพี่น้องประชาชน ให้งบประมาณได้ถูกใช้อย่างเหมาะสม คุ้มค่า เกิดประโยชน์มากที่สุด”

“เพชร กรุณพล” ถูกวางตัวจากพรรคก้าวไกล หากได้เป็น ส.ส. จะเข้าไปเป็นคณะกรรมาธิการงบประมาณปี 2566 ตรวจสอบการของบประมาณของหน่วยงานรัฐทันที

สารพัดคดีจ่อถึงมือ กกต.

ทว่ากว่าจะถึงวันเลือกตั้ง 30 มกราคม 2565 สมรภูมิเขตหลักสี่-จตุจักร ก็เดือดทะลุปรอท พรรคเพื่อไทย แฉว่ามีการจ่ายเงินให้เลือกผู้สมัครพรรคหนึ่งถึงหัวละ 1,500-3,000 บาท ทำให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ปฏิเสธทันควันว่า ไม่ใช่พลังประชารัฐ

“แต่ พปชร.ไม่ซื้อ ใครซื้อผมไม่รู้” หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐระบุ

อีกด้าน “มาดามหลี” สรัลรัศมิ์ ร้อง กกต. เอาผิด “อรรถวิชช์” ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส. พรรคกล้า หลังให้สัมภาษณ์สื่อว่า พรรคพลังประชารัฐน่าจะส่งคนที่มีคุณภาพมากกว่านี้มาลงสมัคร

เข้าข่ายการหาเสียงด้วยลักษณะโจมตี ใส่ร้าย ป้ายสี ที่ถือเป็นการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งกรณีหาเสียงเลือกตั้ง ว่าด้วยการหลอกลวงใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัคร หรือพรรคการเมือง ตามมาตรา 73 (5) พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือไม่

กว่าจะถึงวันเลือกตั้งซ่อม รับรองสนามแตก…