พปชร.แตก-ประยุทธ์ อยู่ต่อ ชนักปักหลัง ส.ส.ธรรมนัส-สภาเสียงปริ่มน้ำ

พปชร.

สถานการณ์ภายในพรรคแตกยับ เมื่อ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เลขาธิการพรรค ขนทัพใหญ่ 21 ส.ส.มุดเข้าบ้านป่ารอยต่อ บีบ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรค ให้เรียกประชุม ส.ส. “ขับออก” ไปอยู่พรรคใหม่ภายใน 30 วัน

คราวนี้ ทำให้ทีม “ผู้กองนัส” กว่า 21 เสียง มีสถานะ “เป็นอิสระ” ปลดแอกจากพรรคพลังประชารัฐ ถึงคิวกดดัน “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก

เสียงรัฐบาลปริ่มน้ำ

อย่างไรก็ตาม แม้ทีม ร.อ.ธรรมนัส จะ “ย้ายพรรค” แต่ “ไม่ย้ายขั้ว” ไปเป็นพรรคฝ่ายค้าน แต่ก็ทำให้เสียงในสภา “ซีกรัฐบาล” ที่มีอยู่ตอนนี้ราว ๆ 265 เสียง นับเฉพาะพลังประชารัฐ เหลือไม่ถึง 100 เสียง ล่าสุดหายไป 3 เสียง คือ สุพล ฟองงาม-สันติ กีระนันทน์ ลาออกไปอยู่กับพรรคสร้างอนาคตไทย และอีกเสียงคือ สิระ เจนจาคะ ที่ “แพ้ฟาวล์” อยู่ระหว่างการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.

เมื่อลบ 21 เสียง กลุ่ม ส.ส.ของ ร.อ.ธรรมนัส ที่ปลดแอกเป็นอิสระ ทำให้เสียงส่วนต่างระหว่างพรรคฝ่ายรัฐบาล กับพรรคฝ่ายค้าน ที่มี 208 เสียง ทำให้ห่างกันอยู่ราว 36 เสียง เท่านั้น

ถึงเสียงฝ่ายรัฐบาลมีมากกว่า ยังขี่คอฝ่ายค้าน แต่ต้องไม่ลืมว่าพรรคฝ่ายรัฐบาลมีพรรคเล็กพรรคย่อย 1 เสียงอีกราว 10 พรรค ซึ่ง “ร.อ.ธรรมนัส” เคยได้รับภารกิจแจกกล้วยให้พรรคเล็ก

ดังนั้น หากวันดีคืนดี พรรคเล็กก่อกบฏ แท็กทีมกับ ร.อ.ธรรมนัส ไม่โหวตกฎหมายสำคัญ ๆ ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มีสิทธิถูกเชือดกลางสภาได้ง่าย ๆ เพราะจะมีเสียงถึง 31 เสียงโดยประมาณ

เมื่อหักตำแหน่งรัฐมนตรีหลายราย ไม่สามารถมาโหวตกฎหมายให้ฝ่ายรัฐบาลได้ เสียงก็จะต่ำ 30 ถูกน็อกแน่นอน

ฝ่ายค้านอ่านเกมยุบสภา

“สมคิด เชื้อคง” ส.ส.อุบลราชธานี รองประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ขณะนี้สมัยประชุมสภาเหลืออีก 5 สัปดาห์ เชื่อว่ารัฐบาลจะไม่เสนอกฎหมายสำคัญ ๆ เข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร แต่จะประคองตัวไปจนปิดสมัยประชุม 28 กุมภาพันธ์นี้ เพราะเสียงในสภาปริ่มน้ำ เสียงมีไม่พอ เมื่อถึงเดือนพฤษภาคม เปิดสมัยประชุมใหม่จะเจอของจริงคือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

เขาวิเคราะห์ว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ รู้ว่าฝ่ายค้านจะยื่นยุบสภาวันไหน อาจเห็นการชิงยุบสภาเกิดขึ้น เพราะเมื่อฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว พล.อ.ประยุทธ์จะยุบสภาไม่ได้ สถานการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ เหมือนเสือติดจั่น จะขยับทางไหนก็ลำบาก โดยเฉพาะรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ

“ยังมีเสียงของพรรคเล็กต่าง ๆ อีก 10 เสียง หาก พล.อ.ประยุทธ์ คุมไม่อยู่ จนไปรวมกับ 21 เสียงของกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส ก็มีมากถึง 30 เสียงแล้ว รัฐบาลจึงอยู่ลำบาก อาจมีการยุบสภาในช่วงมิถุนายน-กรกฎาคม”

เปิดชื่อพรรคเล็กตัวแปร

สำหรับพรรคเล็ก 1 เสียง ที่ “ร.อ.ธรรมนัส” เคยรับหน้าที่ประสานประโยชน์-กล่อมพรรคเล็กให้อยู่ขั้วรัฐบาล ประกอบด้วย พรรคพลังชาติไทย พรรคประชาภิวัฒน์ พรรคเพื่อชาติไทย พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคพลเมืองไทย พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคพลังธรรมใหม่ พรรคประชาธรรมไทย พรรคไทยรักธรรม ส่วนพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย มี 2 เสียง ยังไม่นับ “งูเห่าฝากเลี้ยง ที่แฝงตัวอยู่ในพรรคฝ่ายค้าน มีทั้ง ส.ส.บางราย จากพรรคเพื่อชาติ และพรรคเพื่อไทย ที่ยกมือไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส เมื่อครั้งถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ

สถานะ 21 ส.ส.กลุ่มธรรมนัส

หลังจาก 21 ส.ส.กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส ถูกขับพ้นสมาชิกพรรค ส่วนใหญ่หายตัวไปจากสภาผู้แทนราษฎร โดยจะต้องหาพรรคสังกัดใหม่ภายใน 30 วัน ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 101 (9)

เช่นเดียวกับการ “ยุบสภา” หาก พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจ “ล้างไพ่ทั้งกระดาน” ส.ส. 21 คน สามารถย้ายพรรคได้ใน 30 วัน ตามรัฐธรรมนูญ 97 (3)

ส่วน “ไพบูลย์” บอกสถานะ 21 ส.ส.ที่ “หายตัว” ไปจากสภา ตอนนี้ว่า แม้จะถูกขับออกจากพรรค แต่ตอนโหวตก็ยังเป็นชื่อของ ส.ส.พลังประชารัฐ ที่นั่งในสภาก็ยังนั่งอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ เพียงแต่ตอนนี้เขาไม่อยู่กับพรรคพลังประชารัฐแล้ว จะมาโหวตหรือไม่ก็เรื่องของเขา

ด้าน “แสวง บุญมี” รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า ขั้นตอนต่อไป หลังจาก “พรรคพลังประชารัฐ” จะต้องรายงานเรื่องการประชุมกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคเรื่องการขับ ส.ส.ออกจากพรรค ส่วน กกต.ก็จะทำหน้าที่ตรวจสอบว่ามติดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

ธรรมนัสต้องไม่เป็นรัฐมนตรี

กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส จะอยู่ในสถานะพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายค้าน หรือพรรคอิสระ ให้ compromise ทั้งการบริหารราชการแผ่นดิน-บริหารเสียงในสภา

ซีนาริโอที่ 1 หาก “พรรคใหม่ธรรมนัส” อยู่ในฐานะพรรค 21 เสียง-พรรคร่วมรัฐบาลอันดับ 4 พล.อ.ประยุทธ์-พล.อ.ประวิตร ต้องยอมกลืนเลือด ยกเก้าอี้รัฐมนตรี 2 ตำแหน่ง เพื่อรักษาเสถียรภาพ และเพื่อไปต่อ

ซีนาริโอที่ 2 พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ปรับ ครม. พรรค 21 เสียงของ ร.อ.ธรรมนัส ก็จะรอแสดงฤทธิ์เดชในการโหวตลงคะแนนมติสำคัญ-กฎหมายการเงิน ก็จะเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง

“ข้อดีของการที่ ร.อ.ธรรมนัสกับ 20 ส.ส.ออกตัวออกไปจากพรรคพลังประชารัฐ จะทำให้เกิดความชัดเจนภายในพรรคพลังประชารัฐมากขึ้น รู้ว่าใครอยู่ตรงไหน สามารถบริหารจัดการเสียงโหวตในสภาได้แม่นยำมากขึ้น” กุนซือ พล.อ.ประยุทธ์วิเคราะห์

“ยุบสภาเป็นไปไม่ได้แน่นอน มีอย่างเดียวคือ เสียงในสภาห่างกันมากเป็นเท่าตัวก็ต้องยอมยุบ แต่ 20 เสียง ยังไม่มีปัญหา สามารถบริหารจัดการได้ และจากที่มองยาว ๆ ต้องกลับมามองเป็นชอต ๆ แก้ปัญหาเป็นชอต ๆ ไป อย่ากะพริบตา เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้”

เขาเดาใจ พล.อ.ประยุทธ์ว่า “ถ้าร่วมรัฐบาลจะส่งใครมาก็ได้ แต่ ร.อ.ธรรมนัส ต้องไม่เป็นรัฐมนตรี”

ชนักปักหลัง 21 ส.ส.มุ้งธรรมนัส

สำหรับ 21 ส.ส.มุ้งธรรมนัส ที่ถูกขับออกจากพรรค บางคนมีคดีเป็น “ชนักปักหลัง” บางคนอยู่ระหว่างพิจารณาคดีในศาลทุจริต อาทิ นายวัฒนา สิทธิวัง ส.ส.ลำปาง เขต 4 ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจกใบเหลือง กรณี กกต.ยื่นคำร้องให้ศาลฎีกาสั่งให้มีการ “เลือกตั้งใหม่” เนื่องจากกระทำความผิด พ.ร.ป.เลือกตั้ง จูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้ หรือ “สัญญาว่าจะให้”

นางทัศนาพร เกษเมธีการุณ ส.ส.นครราชสีมา อยู่ในระหว่าง “หยุดปฏิบัติหน้าที่” เนื่องจากอยู่ระหว่างศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาคดีทุจริตแปรญัตติงบประมาณ-ก่อสร้างสนามฟุตซอล

ขณะที่กลุ่มกำแพงเพชร นำโดย “ไผ่ ลิกค์” หนีบ นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข และ นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ส.ส.ตาก ออกมาจากพลังประชารัฐด้วย

รุ่งโรจน์ก่อนแตกดับ

24 มีนาคม 2562 พรรคพลังประชารัฐในช่วงรุ่งโรจน์ สามารถเกณฑ์ ส.ส.เข้าสภาได้ 116 ที่นั่ง ก่อนบารมีของ พล.อ.ประวิตร จะต้อนเชลย ข้าทาส-บริวาร จาก ส.ส.แปรพักตร์ ที่ตั้งความหวังไว้จะพึ่งใบบุญ-บารมีของพี่ใหญ่ในการหลบเลี่ยงคดีความที่เป็นชนักปักหลัง ดีดตัวเลข ส.ส.เกิน 120 เสียง

ระหว่างทาง เกิดความแตกแยกภายในพรรคพลังประชารัฐ ตั้งแต่กลุ่มสี่กุมารถูกขับออกจากพรรค แม้จะไม่กระทบต่อเสียงในสภา แต่ได้ปรับโครงสร้างนำภายในพรรคพลังประชารัฐใหม่

กลุ่มสามมิตรขึ้นมามีอำนาจนำ ก่อนจะถูกโค่นล้มด้วยกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส ที่ถูกขนานนามว่า “กลุ่ม 4 ช.” ทว่า เกิดการหักเหลี่ยมโหด ทรยศ-หักหลังกันภายในกลุ่ม 4 ช.เอง จนทำให้แผนสังหารทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ ถูกแฉ-แดงออกมา

ก่อนวันแตกดับ “สุพล-สันติ” ส.ส.กลุ่มสี่กุมาร ได้ลาออกไปอยู่กับพรรคสร้างอนาคตไทย และในอนาคตจะมี ส.ส.ที่มีอุดมการณ์เดียวกันไป “สร้างอนาคตไทย” อีกไม่ต่ำกว่า 10 คน

เมื่อถึงวันแตกดับ ร.อ.ธรรมนัส-20 ส.ส.บีบ พล.อ.ประวิตร ให้ขับออกจากพรรคพลังประชารัฐ และไปตั้งพรรคใหม่-พรรคเศรษฐกิจไทย ทำให้ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐที่ยังอยู่ประมาณ 100 ชีวิต


จากรุ่งโรจน์สู่กาลแตกดับพรรคพลังประชารัฐ