ประยุทธ์ ไฟเขียว อคส.ระบายข้าวติดคดีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ 7.4 หมื่นตัน

ประยุทธ์ ข้าว

ประยุทธ์ถก นบข.-วาระลับ ไฟเขียว อคส.ระบายข้าวติดคดี ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ 7.4 หมื่นตัน

วันที่ 27 เมษายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ครั้งที่ 1/2565 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมเป็นประธาน มีวาระการพิจารณาแนวทางการระบายข้าวในคลังกลาง ข้าวนอกคลังกลาง และข้าวนอกบัญชีคลัง เป็นวาระลับ ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องให้ออกจากที่ประชุม

โดยที่ประชุม นบข.เห็นชอบมอบหมายให้ อคส. ดำเนินการระบายข้าวในสต๊อกของรัฐบาลให้เป็นไปตามมติ นบข. เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 จำนวน 74,878.203 ตัน ซึ่งให้ อคส.ในฐานะหน่วยงานดูแลและเก็บรักษาข้าวในสต๊อกของรัฐและผู้จัดทำบัญชีข้าวคงเหลือในสต๊อกของรัฐตั้งแต่ต้นเป็นผู้รับผิดชอบข้าวที่คงเหลือทั้งหมดตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลที่อยู่ในความรับผิดชอบของ อคส. โดยดำเนินการระบายให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายโดยเคร่งครัดตามแนวทางที่ นบข.เห็นชอบ

นอกจากนี้ยังรับทราบปริมาณข้าวคงเหลือในโรงสี (นอกคลังกลาง) ข้าวในคลังกลาง และข้าวนอกบัญชีคลังที่เคยจำหน่ายแล้วก่อนมติ นบข. เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 ซึ่งต่อมามีปัญหาข้อโต้แย้ง อยู่ระหว่างดำเนินคดีไม่สามารถปิดบัญชีได้

ประกอบด้วย ข้าวคงเหลือในโรงสี (นอกคลังกลาง) ปริมาณข้าวเปลือก 5,984.928 ตัน และปริมาณข้าวสาร 5,521.587 ตัน จำนวน 2 จังหวัด 2 คลัง เป็นข้าวที่โรงสีค้างส่งมอบโกดังกลาง โครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2548/49 และ 2554/55 ได้แก่

1.หจก.โรงสีข้าวธัญญะ รุ่งเรืองชัย จ.นครราชสีมา โครงการ ปี’54/55 จำนวน 5,521.587 ตัน เนื่องจากผู้ซื้อผิดสัญญาซื้อขาย ไม่ชำระเงินและรับมอบข้าวสารให้แล้วเสร็จ อคส.ยกเลิกสัญญาซื้อขายและดำเนินคดีตามสัญญา (ศาลล้มละลายกลางมีคำพิพากษาให้ผู้ซื้อเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ)

2.หจก.โรงสี ตั้งแซเยี้ยง จ.ศรีสะเกษ โครงการปี’48/49 ข้าวหอมมะลิ จำนวน 5,984.928 ตัน เนื่องจาก บจก.ธนสรรไรซ์ ผู้ซื้อไม่สามารถรับมอบข้าวได้ เนื่องจากเจ้าของโรงสีเรียกค่าใช้จ่ายขนย้ายข้าว เช่น ค่าตักข้าวเปลือก ค่าชั่ง สูงกว่าท้องตลาด อคส.ยกเลิกสัญญาซื้อขาย

ข้าวในคลังกลาง ปริมาณข้าวสาร 62,932.860 ตัน จำนวน 8 จังหวัด 9 คลัง ได้แก่

1.หจก.สหพืชผล ท่าตูม หลัง 1 จ.สุรินทร์ โครงการ ปี’55/56 จำนวน 1,113.784 ตัน เนื่องจาก หจก.นำแสงค้าข้าว ผู้ซื้อปฏิเสธการรับมอบข้าวสาร เนื่องจากข้าวสารไม่ได้คุณภาพ อคส.ยกเลิกสัญญาซื้อขายและดำเนินคดีกับผู้ซื้อตามสัญญา (อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง)

2.บจก.สุพรีมไลฟ์ เอเจนซี่ หลัง 3 จ.ชัยนาท โครงการ ปี’56/57 จำนวน 33,750.285 ตัน บจก.ชิงตั๊ก กรุ๊ป ผู้ซื้อพบข้าวปลอมปนในคลังสินค้า ต่อมา อคส.ได้คัดแยกข้าวส่วนที่ดีให้ผู้ซื้อรับมอบไป ส่วนข้าวปลอมปนคัดแยกไว้ที่คลัง พชร เส็งหลวง หลัง 3 จ.สุพรรณบุรี จำนวน 4,275.410 ตัน หลัง 4 ปริมาณ 29,474.875 ตัน อคส.ยกเลิกสัญญาซื้อขายและดำเนินคดีกับเจ้าของคลัง บจก.สุพรีมไลฟ์เอเจนซี่ตามสัญญาฝากเก็บ (อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง)

3.บจก.เจ อาร์ ดีไบรท์ มอเตอร์ อินดิสทรีส์ หลัง 1 จ.สงขลา โครงการ ปรัง 55 จำนวน 11,913.355 ตัน และ ปี 55/56 จำนวน 1,860.726 ตัน เนื่องจาก บจก.วัฒนพร อินเตอร์โกลเด้นไรซ์ ผู้ซื้อไม่สามารถรับมอบข้าวสารได้ เนื่องจากเจ้าของคลังยึดหน่วง ซึ่งเจ้าของคลังไม่ใช่คู่สัญญา อคส.เป็นการเช่าช่วง ผู้ซื้อจึงขอยกเลิกสัญญากับ อคส.เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 63 ศาลจังหวัดสงขลาพิจารณาคดีให้ อคส.ทำสัญญาเช่ากับเจ้าของคลังโดยตรง ปัจจุบัน อคส.ทำสัญญาเช่าคลังสินค้ากับ บจก. เจ อาร์ ดีไบร์ท มอเตอร์ อินดัสทรีส์ แล้ว

4.บจก. เจ อาร์ ดีไบร์ท มอเตอร์ อินดัสทรีส์ หลัง 2 จ.สงขลา โครงการ ปี’55/56 จำนวน 9,994.552 ตัน เนื่องจาก บจก.ธนสรรไรซ์ ผู้ซื้อไม่สามารถรับมอบข้าวสารได้ เนื่องจากเจ้าของคลังยึดหน่วง ซึ่งเจ้าของคลังไม่ใช่คู่สัญญากับ อคส.เป็นการเช่าช่วง ผู้ซื้อจึงขอยกเลิกสัญญาซื้อขายกับ อคส. เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 63 ศาลจังหวัดสงขลาพิจารณาคดีให้ อคส.เช่าคลังสินค้ากับเจ้าของคลังโดยตรง ปัจจุบัน อคส.ทำสัญญาเช่าคลังสินค้ากับ บจก. เจ อาร์ ดีไบร์ท มอเตอร์ อินดัสทรีส์ แล้ว

5.หจก.เอเอเอเอเอนำเข้า หลัง 1 จ.บุรีรัมย์ โครงการ ปี 55/56 จำนวน 75.247 ตัน เนื่องจาก บจก.เจียเม้ง ผู้ซื้อปฏิเสธการรับมอบข้าวสาร เนื่องจากข้าวสารไม่ได้คุณภาพ อคส.ยกเลิกสัญญาซื้อขายและดำเนินคดีกับบริษัท ผู้ตรวจสอบและรับผิดชอบคุณภาพข้าว ปัจจุบันได้ขนย้ายข้าวไปไว้ที่คลังสินค้า หจก.สหพืชผลท่าตูม หลัง 1 จ.สุรินทร์ (อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง)

6.คลังสินค้า 5 ข้าว หลัง 4 จ.อุทัยธานี โครงการ ปี’55/56 จำนวน 973.113 ตัน บจก.ไทยแกรน ลักซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้ซื้อรับมอบข้าวสารครบตามสัญญา แต่ยังมีข้าวสารคงเหลือในคลัง

7.หจก.แสงฟ้า โปรดิวซ์ หลัง 12 จ.กำแพงเพชร โครงการ ปี’56/57 จำนวน 2,298.431 ตัน เนื่องจาก บจก.วีออร์แกนนิก ผู้ซื้อทำผิดสัญญาซื้อขาย อคส.ยกเลิกสัญญาซื้อขายและดำเนินคดีตามสัญญา (อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง)

8.ท่าข้าวเกษตรเฟื่องฟ้า หลัง 2 จ.นครสวรรค์ โครงการ ปรัง 55 จำนวน 301.096 ตัน เนื่องจาก บจก.จิรชัยโปรดิวส์ ผู้ซื้อไม่สามารถรับมอบข้าวสาร เนื่องจากมีสิ่งปลอมปน อคส.ดำเนินคดีกับบริษัท ผู้ตรวจสอบและรับผิดชอบคุณภาพข้าว (อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง)

9.เมืองเจริญ หลัง 1 จ.ลำพูน โครงการ ปี’55/56 จำนวน 299.328 ตัน เนื่องจาก บจก.เชียงรายกิจศิริไซไล 1995 ผู้ซื้อไม่สkมารถรับมอบข้าวสารได้ เนื่องจากผิดชนิด อคส.ดำเนินคดีกับบริษัทผู้ตรวจสอบและรับผิดชอบคุณภาพข้าว (อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง)

ข้าวนอกบัญชีคลัง ปริมาณข้าวสาร 438.827 ตัน หรือ 4,344 กระสอบ คือ คลังประทีป ซีเมนต์บล็อก จ.บุรีรัมย์ โครงการ ปี’55/56 จำนวน 7,230 กระสอบ เนื่องจากหัวหน้าคลัง ขนย้ายข้าวสารออกจากคลัง และนำไปไว้ที่คลังรุ่งจรัส จ.บุรีรัมย์ ซึ่งไม่ได้รับอนุมัติจาก ผอ.อคส. ต่อมา อคส.ได้ติดตามเอาทรัพย์คืนจากการเอาไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยทุจริต หรือโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ ปริมาณ 4,344 กระสอบ ปริมาณน้ำหนักเนื้อข้าวรวมกระสอบโดยประมาณ 438.827 ตัน (อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.))

ทั้งนี้ มอบหมายให้ อคส.ตรวจสอบบัญชีข้าวในสต๊อกของรัฐบาลให้เกิดความรอบคอบ กรณียังพบว่ามีข้าวคงเหลือในบัญชี มอบหมายให้ อคส.เป็นผู้รับผิดชอบและดำเนินการระบายไม่ให้รัฐบาลเกิดความเสียหาย

นายบุญฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า นบข.อนุมัติให้ อคส.ระบายข้าวติดคดีเพิ่มเติม เนื่องจากมีการปรับตัวเลข มีความคลาดเคลื่อน มีการตรวจพบอะไรบางอย่างเกิดขึ้นมา ซึ่งมีคลาดเคลื่อนแต่ไม่มาก เนื่องจากของเดิม นบข.อนุมัติไป 9 แสนตัน พอมีความคลาดเคลื่อนขึ้นมาก็มาขออนุมัติเพิ่ม