โฆษกรัฐบาลเผย ประชาชนนิยม “สลากดิจิทัล” ต่อเนื่องหลังเพิ่มจำนวนเข้าระบบเป็น 7.1 ล้านใบ 1 สิงหาคม งวดแรก ล่าสุดจำหน่ายไปแล้ว 6.7 ล้านใบ จำนวนผู้ซื้อสลากกว่า 1 ล้านคน คาดหมดภายในเช้านี้
วันที่ 18 กรกฎาคม 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่พลเอก ประยุทธ์ จันน์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีข้อสั่งการให้แก้ไขปัญหาจำหน่ายสลากเกินราคา ใน “โครงการสลากดิจิทัล” ที่จำหน่ายสลากผ่านแอป “เป๋าตัง” ถือว่า เป็นอีกหนึ่งผลงานที่สำเร็จเป็นรูปธรรมของ
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า
โดยล่าสุดสำนักงานสลากฯ ได้เปิดจำหน่ายสลากดิจิทัล งวดวันที่ 1 สิงหาคม 2565 ผ่านแอพพลิเคชันเป๋าตัง ตั้งแต่ 6 โมงเช้า ของวันที่ 17 ก.ค. 65 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เพิ่มจำนวนสลากดิจิทัลเพิ่มอีก 2 ล้านใบเพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณความต้องการสลากของผู้ซื้อ เป็น 7,167,500 ใบ โดยจำหน่ายสลากไปแล้ว 6,715,399 ใบ จำนวนผู้ซื้อสลาก 1,055,820 ราย (ข้อมูล ณ 17 ก.ค. 65 เวลา 23.00 น.) โดยคาดว่าน่าจะจำหน่ายหมดภายในช่วงเช้าของวันนี้
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำการจำหน่ายสลากที่ผ่านมามีผลตอบรับเป็นไปด้วยดี โดยประชาชนกว่า 1 ล้านคน สามารถเข้าถึงซื้อสลากตัวเลขที่ต้องการได้ในราคา 80 บาทได้จริง อีกทั้งยังมีความสะดวก ความปลอดภัย เพราะสลากที่ซื้อทุกใบจะมีการบันทึกข้อมูลไว้ในแอป สามารถขึ้นรางวัลได้ทันที ไม่ยุ่งยาก โดยสามารถเลือกซื้อได้ทุกวัน
“ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการซื้อสิทธิสลากดิจิทัลต่อจากผู้อื่นอย่างเด็ดขาด เพราะในระบบการจำหน่ายสลากดิจิทัลจะบันทึกชื่อผู้ซื้อไว้อย่างชัดเจน สลากจึงเป็นกรรมสิทธิของผู้ซื้อที่เป็นเจ้าของบัญชีแอปเป๋าตังเท่านั้น ดังนั้นเมื่อถูกรางวัลเงินรางวัลจะโอนเข้าบัญชีผู้ซื้อ ไม่สามารถโอนสิทธิเปลี่ยนมือการขึ้นรางวัลไปให้บุคคลอื่นได้
หรือกรณีมารับสลากที่สำนักงาน ก็จะต้องใช้ชื่อผู้ซื้อยืนยันตัวตนในการมารับสลาก ดังนั้น ถ้าใครหลงเชื่อซื้อสลากดิจิทัลที่มีการนำมาประกาศขายต่อ หากถูกรางวัลอาจเกิดปัญหาตามได้” นายธนกรกล่าว
- สลากดิจิทัล งวด 1 ส.ค. เปิดขายชั่วโมงแรก ยอดซื้อทะลุ 1.2 ล้านใบ
- สลากดิจิทัล 100-120 บาท กลยุทธ์ยี่ปั๊ว กดเลขชุดโพสต์ขายในโซเชียล
-
สลากดิจิทัล 80 บาท มาแล้ว ใครได้ ใครเสีย